1win aviatormostbet aviatormostbetluckyget1 win indiamosbetpin upone win gameпинапpin up casino online1win online1 win onlinepin up kzmosbet indiamosbetmostbetaviatormosbetmosbetpinupmosbet aviatorparimatchmosbet india4era betpinap1 win4rabet gamelucky jet online4rabet1win saytiparimatchpin up casino1 win1win lucky jetpin up betlucky jetmostbet casinomostbet1win casinopin up betting4rabet bdlukyjet1win apostalucky jet crashaviator mostbet1 win1win slotpin-up1winmostbet azmostbet az
วันเสาร์, ธันวาคม 14, 2024
ติดตั้ง เดลิเวอรี่ แอป ได้แล้ววันนี้
หน้าแรกข่าวการเมืองชัยธวัช ชี้หัวใจหลักคือ "การรับฟังความเดือดร้อนของประชาชน" มุ่งหาทางออกร่วมแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 และมลพิษทางอากาศ

ชัยธวัช ชี้หัวใจหลักคือ “การรับฟังความเดือดร้อนของประชาชน” มุ่งหาทางออกร่วมแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 และมลพิษทางอากาศ

ฝ่ายค้านรับฟังปัญหาฝุ่น PM2.5 ชี้แนวทางแก้ไขมลพิษทางอากาศมุ่งหาแนวทางแก้ไขร่วมกับประชาชน

ในการประชุมที่จัดขึ้นที่โรงแรมดวงตะวันในจังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 1 มีนาคม, นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านได้เปิดเวทีสำหรับประชาชนเพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาฝุ่น PM2.5 และมลพิษทางอากาศภายใต้หัวข้อ “การรับฟังความเดือดร้อนของประชาชน” ซึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้แทนจากพรรคการเมืองต่างๆ เข้าร่วมการอภิปรายในเวทีเสวนาเกี่ยวกับวิธีการและเครื่องมือในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว

นายปริเยศ อังกูรกิตติ จากพรรคไทยสร้างไทย ได้ชี้แจงถึงความรุนแรงของสถานการณ์ปัจจุบันและต้นตอของปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่ไม่ได้มาจากภาคเกษตรเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะการที่นายกรัฐมนตรีไม่เข้าใจปัญหานี้อย่างลึกซึ้ง แม้จะได้เยือนจังหวัดเชียงใหม่ถึงสามครั้งและอ้างว่าได้แก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้สำเร็จแล้วก็ตาม

นายปริเยศยังได้กล่าวถึงความเข้าใจที่ผิดพลาดของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับ “เชียงใหม่โมเดล” โดยชี้ให้เห็นว่าจุดความร้อนหรือ Hotspot ที่ลดลงในเดือนมกราคมนั้นเป็นเพราะการจัดการและเคลียร์พื้นที่เกษตร ซึ่งทำให้การเผาในพื้นที่เหล่านั้นลดลง แต่ในทางกลับกัน Hotspot กลับปรากฏขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน และในอีกสองเดือนข้างหน้าจะเป็นช่วงที่ชาวบ้านเข้าป่าเพื่อหาของ ซึ่งอาจทำให้จุด Hotspot เพิ่มขึ้นอีกครั้ง

ส่วนนายกัณวีร์ สืบแสง จากพรรคเป็นธรรมได้กล่าวถึงคำมั่นสัญญาของพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา PM2.5 โดยมีสี่ข้อหลัก ได้แก่ การลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาจากประชาชน และการส่งรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน

มุ่งแก้ PM2.5 ผ่านเวทีอาเซียน เร่งรัดแก้ฟาร์มสัญญา หารือเอกชนลดผลกระทบ

นายกัณวีร์ได้เปิดเผยว่า แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์อาเซียนว่ามีความล่าช้า แต่รัฐบาลจะใช้กระบวนการเจรจาทวิภาคีผ่านเวทีอาเซียนเพื่อหาความร่วมมือและยกระดับปัญหา PM2.5 ให้เป็นหนึ่งในวาระสำคัญของอาเซียน นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนที่จะเร่งรัดการแก้ไขปัญหาการทำฟาร์มสัญญาและจะเชิญเอกชนมาหารือเพื่อหาทางลดผลกระทบที่เกิดขึ้นในประเทศ

ในขณะเดียวกัน นายสมใจ ชาวบ้านในพื้นที่โปง ได้กล่าวในการประชุมว่า การเผาป่าเพื่อหาเห็ดถอบเป็นสาเหตุหลักของปัญหาไฟป่า โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาเห็ดถอบสูงถึงลิตรละ 300 บาท ทำให้ชาวบ้านเข้าป่าเพื่อเก็บเห็ดถอบมาขายเนื่องจากสามารถสร้างรายได้มหาศาล

นายสมใจยังได้ชี้แจงว่า ไฟป่าที่รุนแรงในพื้นที่ออบหลวง เกิดจากการที่พื้นที่นั้นเป็นแหล่งเห็ดถอบที่ใหญ่ และการจัดการเชื้อเพลิงในป่าที่จำเป็นต้องเผาเพื่อป้องกันการสะสมของใบไม้แห้งที่อาจทำให้ต้นไม้ใหญ่ตาย แต่การเผาต้องมีการบริหารจัดการที่ดี

ส่วนนายชัยธวัชได้กล่าวปิดการประชุมว่า ฝ่ายค้านต้องการทราบถึงแนวคิดของเชียงใหม่โมเดล จึงได้จัดการประชุมเพื่อหารือและวางแผนการจัดการกับปัญหา PM2.5 ในปีหน้า และปัญหาที่เกิดขึ้นในระยะเวลา 1-2 เดือนข้างหน้า โดยการประชุมได้ข้อสรุปว่าจำเป็นต้องมีกลไกที่ชัดเจนในการจัดการปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมถึงการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนและประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเอกชน

เชียงใหม่โมเดล กระจายอำนาจจัดการ PM2.5 เน้นวิจัย หาทางแก้ไขมลพิษจากแหล่งทุติยภูมิ

เรื่องสำคัญที่ต้องให้ความสนใจคือการควบคุมระดับ PM2.5 ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง การให้ความสำคัญกับการวิจัยเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาจากแหล่งที่มาทุติยภูมิ ซึ่งอาจมีผลกระทบมากกว่าแหล่งที่มาปฐมภูมิ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด มีความสำคัญไม่แพ้กัน แต่ยังมีกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย จึงขอเชิญชวนประชาชนให้ติดตามอย่างใกล้ชิด

ในขณะที่หัวใจของ ‘เชียงใหม่โมเดล’ คือการกระจายอำนาจให้กับท้องถิ่น เพื่อจัดการกับปัญหา PM2.5 ที่เป็นปัญหาใกล้ตัวที่สุดในขณะนี้ การจัดการด้วยระบบรัฐรวมศูนย์ไม่สามารถทำได้” นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช ตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าเชียงใหม่ พบจุด Hotspot ลดลง 67%

รายงานข่าวระบุว่า หลังจากการสิ้นสุดเวทีเสวนา นายชัยธวัชและคณะได้เดินทางไปยังศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าเชียงใหม่ ที่ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้รับการต้อนรับจากนายสมนึก ท้าวพา ผู้อำนวยการศูนย์ และได้รับรายงานผลการดำเนินงานดับไฟป่าในเขตป่าอนุรักษ์ รวมถึงจุด Hotspot ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึง 1 มีนาคม 2567 ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 1,182 จุด ลดลง 67% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ที่มีจำนวน 3,516 จุด ซึ่งถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจ เนื่องจากนโยบายของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ต้องการให้ลดจำนวนจุด Hotspot ลง 50%

เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ไฟป่าได้เริ่มลุกไหม้ในอุทยานแห่งชาติออบหลวง และได้แผ่กระจายอย่างรวดเร็วจนถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ทำให้เจ้าหน้าที่จาก 18 สถานีในเชียงใหม่และลำพูน กว่า 150 คน ต้องร่วมมือกันควบคุมเพลิง จนกระทั่งสามารถดับไฟได้สำเร็จ และได้จัดตั้งทีมเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการลุกลามของไฟในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูแล้งนี้ ภาวะไฟป่ายังคงเป็นปัญหาที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด

ในขณะที่การเผาป่าเพื่อหาของป่าเป็นปัญหาที่ชาวบ้านมักจะทำ แต่ปัญหาหลักที่น่ากังวลคือการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติออบหลวง ซึ่งติดกับอำเภอแม่แจ่ม ที่มีต้นประดู่อยู่มากมาย นักลักลอบตัดไม้ได้เป็นเป้าหมายของเจ้าหน้าที่ที่พยายามปราบปรามอย่างต่อเนื่อง และเมื่อฤดูไฟป่าสิ้นสุดลง เจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาและปราบปรามการลักลอบตัดไม้อย่างเข้มงวดต่อไป

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -
ติดตั้ง เดลิเวอรี่ แอป ได้แล้ววันนี้

Most Popular

Recent Comments