วันศุกร์, พฤษภาคม 3, 2024
ติดตั้ง เดลิเวอรี่ แอป ได้แล้ววันนี้
หน้าแรกข่าวการเมืองยกฟ้องยิ่งลักษณ์จัดRoad Showงบประมาณ240ล้าน

ยกฟ้องยิ่งลักษณ์จัดRoad Showงบประมาณ240ล้าน

ศาลฎีกาฯ ลงความ เห็นเอกฉันท์ยกฟ้อง “ยิ่งลักษณ์ เคยชินการปฏิบัติ” พร้อมพวก แผนการ Roadshow สร้างอนาคตเมืองไทย Thailand 2020” ยกฟ้องยิ่งลักษณ์จัดRoad Showงบประมาณ240ล้าน ศาลฎีกา ปฏิบัติ กับพวกรวม 6 คน โครงงาน Roadshow  สร้างอนาคตเมืองไทย  Thailand 2020 งบประมาณ 240 ล้านบาท

พร้อมล้มเลิกหมายจับ นางสาวยิ่งลักษณื ที่ซ่อนหนีไปอยู่ต่างถิ่น

ยกฟ้องยิ่งลักษณ์จัดRoad Showงบประมาณ240ล้าน

โดยในวันนี้ศาลฎีกานัดหมายฟังคำวินิจฉัยคดี อม.2/2565 ที่คณะกรรมการคุ้มครองแล้วก็ปราบการโกงแห่งชาติ (สำนักงานคณะกรรมการป้องและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางสาวยิ่งลักษณ์ เคยชินการปฏิบัติ กับพวกรวม 6 คน เชลย คดีจ้างแผนการ

Roadshow สร้างอนาคตเมืองไทย Thailand 2020 เพื่อเอื้อประโยชน์โดยไม่ถูกต้อง

ดังนี้ คดีดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นเกิดขึ้นในช่วงปลายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่มีการจ้างเอกชนทำโปรโมทโฆษณาแผนการของรัฐบาล โดยมีเชลยที่ถูกยื่นฟ้องเป็นนางสาวยิ่งลักษณ์ เคยชินความประพฤติ

สมัยก่อนนายกรัฐมนตรี, นายนิวัฒน์ดำรง บุญทรงกว้างใหญ่ สมัยก่อนรองนายกฯ, นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตกาลเลขาธิการนายกฯ บริษัท ความเห็นชอบชน จำกัด, บริษัท ไทยสปอร์ต สินดิเคท จำกัด (มหาชน) ผู้ครอบครองสื่อในเครือไทยกีฬา และก็ นายระวิ โหลทองคำ เป็นเชลยที่ 1-6 ข่าวการเมือง

ยกฟ้องยิ่งลักษณ์จัดRoad Showงบประมาณ240ล้าน

เปิดคำพิพาษาฉบับเต็ม

โดยทั้งปวงถูก สำนักงานคณะกรรมการป้องและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติยื่นฟ้อง โดยสรุปว่า มีการใช้อิทธิพลโดยไม่ถูกต้อง สำหรับเพื่อการจัดชิงชัยราคาจ้างงบประมาณอีเวนต์โครงงาน Roadshow สร้างอนาคตเมืองไทย จนถึงเป็นเหตุให้เกิดความเสื่อมโทรมเป็นเงิน 239 ล้านบาท

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ครอบครองตำแหน่งทางด้านการเมือง ยกฟ้อง “ยิ่งลักษณ์” พร้อมพวก รวม 6 คน คดีจัดโรดโชว์ งบประมาณ 240 ล้านบาท

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ครอบครองตำแหน่งทางด้านการเมืองได้อ่านคำวินิจฉัยคดีเลขลำดับดำที่ อม.2/2565 คดีลำดับที่แดงที่ อม.6/2567 ระหว่าง

คณะกรรมการคุ้มครองป้องกันรวมทั้งล้มล้างการคดโกงแห่งชาติ โจทก์ นางสาวยิ่งลักษณ์ คุ้นชินการปฏิบัติ ที่ นายนิวัฒน์รักษา บุญทรงกว้างใหญ่ไพศาล ที่ 2 นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ที่ 3 บริษัทความเห็นชอบชน จำกัด (มหาชน) ที่ 4 บริษัทประเทศไทยสปอร์ต สินตำหนิเคท จำกัด (มหาชน) ที่ 5 นายระวิ โหลทองคำ ที่ 6 เชลย

คดีนี้ตอนวันที่ 28 เดือนมกราคม 2555 โจทก์ยื่นฟ้องว่า เมื่อสิงหาคม 2556 ถึงวันที่ 12 มี.ค. 2557 เชลยที่ 3 ขณะครองตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ จัดการเสนอแผนการ Roadshow ที่ไม่ใช่คราวที่มีความเร่งด่วน โดยเชลยที่ 2 ขณะครอบครองตำแหน่งรองนายกฯ ลงชื่อผ่านเรื่อง

แล้วเชลยที่ 3 ขณะครองตำแหน่งนายกฯใช้ดุลยพินิจบิดเบือนสั่งอนุมัติงบประมาณกึ่งกลาง โดยจงใจด้วยกันกำหนดให้เชลยที่ 4 แล้วก็ที่ 5 เป็นลูกจ้างจัดแผนการ โดยเชลยที่ 3 เสนอเชลยที่ 2 เพื่อขออนุมัติ จ้างการทำงานโครงงานดังที่กล่าวผ่านมาแล้วโดยแนวทางพิเศษ อันเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยไม่ถูกต้อง

นอกเหนือจากนั้นเชลยที่ 1 ถึงที่ 3 ยังด้วยกันทำงานเพื่อคณะรัฐมนตรีลงความเห็นละเว้นการเซ็นต์ชื่อในข้อตกลงก่อนได้รับเงินประจำงวดทั้งๆที่ไม่เข้าข้อตกลงอันจะได้รับการงดเว้น เป็นเหตุให้เกิดความเสื่อมโทรมแก่ สลน จำนวนเงิน 239,700,000 บาท โดยเชลยที่ 4 ถึงที่ 6

เป็นผู้ที่ได้การสนับสนุนความประพฤติปฏิบัติความผิดพลาด ขอให้ลงทัณฑ์เชลยที่ 1 ถึงที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151,157 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญกล่าวถึงการปกป้องคุ้มครองรวมทั้งปราบมือโกง พุทธศักราช 2541 มาตรา 123/1 ประกอบพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญกล่าวถึงการคุ้มครองป้องกันรวมทั้งปราบการโกง พุทธศักราช2561 มาตรา 192

ยกฟ้องยิ่งลักษณ์จัดRoad Showงบประมาณ240ล้าน

รวมทั้งพ.ร.บ.เกี่ยวกับความผิดพลาดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พุทธศักราช2542 มาตรา 12, 13 ลงอาญาเชลยที่ 4 ถึงที่ 6 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 ประกอบ มาตรา 86 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญกล่าวถึงการปกป้องคุ้มครองรวมทั้งปราบการคดโกง

พุทธศักราช 2542 มาตรา 123/1 ประกอบพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญกล่าวถึงการคุ้มครองรวมทั้งกำจัดการคดโกง พุทธศักราช 2563 มาตรา 192 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 รวมทั้งพ.ร.บ.เกี่ยวกับความผิดพลาดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พุทธศักราช 2542 มาตรา 4, 12, 13 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 กับนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษของเชลยในคดีอาญาเลขลำดับแดงที่ อม. 211/2560 ของ

โจทก์ยื่นฟ้องกรณีไม่เผยตัวเชลยที่ 1 ยกฟ้องยิ่งลักษณ์จัดRoad Showงบประมาณ240ล้าน

เชลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้วิเคราะห์พิจารณาพื้นฐานว่า ฟ้องโจทก์ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ขอให้สั่งไม่ประทับรับฟ้อง

องค์แผนกตุลาการมีคำบัญชาไม่ประทับรับฟ้องข้อกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่ผู้มีบทบาทจัดซื้อโดยใช้อิทธิพลในตำแหน่งโดยคดโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 โดยมีความคิดเห็นว่าฟ้องโจทก์ก็มิได้เล่าให้มีความคิดเห็นว่าเชลยทั้งยังหกเป็นเจ้าหน้าที่ผู้กุมอำนาจหน้าที่ดังที่กล่าวมาข้างต้น ส่วนข้อกล่าวหาอื่นให้ประทับรับฟ้องไว้ไตร่ตรอง โจทก์อุทธรณ์คำบัญชาไม่ประทับรับฟ้องดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

ตอนวันที่ 20 ธ.ค. 2565 ห้องประชุมใหญ่ศาลฎีกาโดยองค์แผนกชั้นวิเคราะห์อุทธรณ์ ตัดสินคดียืนเชลยที่ 1 ไม่มาศาล นับว่าเชลยที่ 1 ให้การไม่ยอมรับ ส่วนเชลยที่ 2 ถึงที่ 6 ให้การไม่ยอมรับศาลสืบสวนผู้เห็นเหตุการณ์โจทก์ครั้งแรกช่วงวันที่ 24 ม.ค. 2566 นัตสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์เชลยนัดหมายในที่สุดวันที่ 7 เดือนธันวาคม 2566 คู่กรณีขอแถลงปิดคดีด้านใน 60 วัน

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ครอบครองตำแหน่งด้านการเมืองวิเคราะห์ว่า ปัญหาที่ว่า เชลยที่ 1 ถึงที่ 3 ดำเนินงานนำงบประมาณกึ่งกลางปริมาณ 40,000,000 บาท มาทำโครงงาน Roadshow ชอบด้วยกฎหมายไหม มีความคิดเห็นว่า โครงงานลงทุนปรับปรุงส่วนประกอบเบื้องต้นระบบขนส่งของประเทศ

รวมทั้งโครงงาน Roadshow เป็นการทำงานตามแผนการที่รัฐบาลแถลงต่อสภานิติบัญญัติ ซึ่งรัฐธรรมนูญข้อกำหนดให้สภานิติบัญญัติแค่นั้นวิเคราะห์ความประพฤติของรัฐบาล ศาลก็เลยไร้อำนาจที่จะวิเคราะห์ถึงดุลยพินิจของฝ่ายบริหารสำหรับเพื่อการวางนโยบายดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

งบประมาณเพื่อเป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาลนั้น ยกฟ้องยิ่งลักษณ์จัดRoad Showงบประมาณ240ล้าน

คณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวโยง สำหรับคดีนี้ลงความเห็นคณะรัฐมนตรีตอนวันที่ 17 กุมภาทันธ์ 2552 ระบุหนทางปฏิบัติกรณีขออนุมัติใช้เงินงบประมาณกึ่งกลาง รายการเงินทุนสำรองจ่ายเพื่อกรณีเร่งด่วนแล้วก็จำเป็นจะต้อง ดังต่อไปนี้ ศาลย่อมมีอำนาจพิจารณาขั้นตอนปฏิบัติว่า

เชลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้ปฏิบัติงานใดที่ไม่เป็นไปตามความเห็นคณะรัฐมนตรีดังที่กล่าวถึงมาแล้วอันถือได้ว่าเป็นการมิเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยมีเจตนาเพื่อกำเนิดความเสื่อมโทรมแก่ สลน รวมทั้งทางการ หรือโดยโกงหรือเปล่า

หลักฐานได้เรื่องว่า ตั้งเวลาเริ่มดำเนินแผนการ Roadshow เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการใคร่ครวญด้วยกันของหน่วยงานต่างๆซึ่งไม่ใช่เป็นการตกลงใจของเชลยที่ 3 เอง และก็ไม่ได้ตั้งเวลากระชั้นชิดเพียงแค่เพื่อเป็นเหตุอ้างใช้งบประมาณกึ่งกลาง

เมื่อกรณีไม่บางทีอาจใช้อีกทั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายรายปีงบประมาณ พุทธศักราช 2556 แล้วก็งบประมาณรายการจ่ายปีงบประมาณ พุทธศักราช 2567 มาดำเนินโครงงาน Roadshow ได้ตามที่กำหนดเวลาไว้ ถือว่าเป็นการปฏิบัติในกรณีมีความสำคัญแล้วก็เร่งด่วนจะต้องใช้จ่ายงบประมาณ

ในตอนที่เชลยที่ 1 มีคำบัญชาอนุมัติงบประมาณกึ่งกลางช่วงวันที่ 25 เดือนกันยายน 2556 ยังไม่มีผลสรุปที่แจ้งชัดเป็นจบว่าร่างพระราชบัญญัติมอบอำนาจกระทรวงการคลังกู้ยืมเงินเพื่อการพัฒนาส่วนประกอบเบื้องต้นทางคมนาคมขนส่งของประเทศ พุทธศักราช

ตรงข้ามรัฐธรรมนูญ แผนการปรับปรุงองค์ประกอบเบื้องต้นด้านการติดต่อขนส่งของประเทศได้ ผ่านการพินิจพิเคราะห์จากหน่วยงานฝ่ายบริหารและก็ผ่านความเห็นคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีข้อท้วง ประกอบกับ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณมีความคิดเห็นว่าเห็นควรนาชูรัฐมนตรีจะอนุมัติงบประมาณกึ่งกลางนี้ได้ กรณีย่อมมีเหตุมีผลพอเพียงให้เชลยที่ 1 เชื่อโดยความซื่อสัตย์ว่าสามารถอนุมัติได้ ก็เลยฟังได้ว่า เชลยที่ 1 ไต่ใช้ดุลยพินิจปฏิบัติไปบนรากฐานของข้อมูลและก็เรื่องจริงเท่าที่มีอยู่ขณะนั้น

คุณสมบัติเฉพาะประการใดที่เป็นการเอื้อประโยชน์แก่เชลย ยกฟ้องยิ่งลักษณ์จัดRoad Showงบประมาณ240ล้าน

ถึงแม้ถัดมาศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำพิพากษาที่ 3 – 4/2557 ว่า ร่างพระราชบัญญัติให้สิทธิกระทรวงการคลังกู้ยืมฯ ยี่ห้อขึ้นโดยไม่ใช่คราวจำเป็นเร่งด่วน ก็เป็นเพียงแค่การวิเคราะห์ถึงความชื่นชอบของร่างพระราชบัญญัติดังที่กล่าวผ่านมาแล้วแค่นั้น อีกทั้งเป็นการวิเคราะห์วันหลังเกิดเหตุโดยไม่ได้วิเคราะห์ถึงความรับสารภาพทางอาญาซึ่งจำต้องใคร่ครวญจากหลักฐานในคดีนี้

เมื่อเชลยที่ 1 ไม่บางทีอาจรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำพิพากษาเป็นอย่างไร ย่อมถือมิได้ว่าเชลยที่ 1 มีเจตนามองเห็นผลว่าแผนการ Roadshow ไม่บางทีอาจเกิดขึ้นได้อย่างแน่แท้ ถึงแม้โครงงาน Roadshow จะจัดการในพื้นที่เดียวกันกับแผนการกระทรวงคมนาคม แม้กระนั้นก็เป็นเพียงแค่พื้นที่ 2 จังหวัดแรก อีกทั้งแผนการ Roadshow มีภารกิจครอบคลุมมากยิ่งกว่า ถือมิได้ว่าเป็นแผนการที่ซ้ำไปซ้ำมากัน

สำหรับเชลยที่ 2 ไม่ปรากฏว่าเชลยที่ 2 มีส่วนร่วมหรือเสนอแนะโดยไม่ถูกต้องเพื่อเชลยที่ 1 อนุมัติงบประมาณกึ่งกลางเช่นไร เชลยที่ 2 ก็เลยเป็นแต่เพียงผู้กระทำหน้าที่ไตร่ตรองแล้วผ่านเรื่องเสนอไปยังเชลยที่ 1 เป็นลำดับชั้นแค่นั้น ส่วนเชลยที่ 3 พึ่งจะรู้ว่าจะต้องขอใช้งบประมาณบกลางจากการเสนอเป็นลำดับขั้นของเจ้าหน้าที่รัฐผู้ปฏิบัติการ ก็เลยเป็นเพียงแค่การทำงานตามหน้าที่เพียงแค่นั้น

ดังต่อไปนี้ การที่เชลยที่ 2 และก็ที่ 3 เสนอให้เชลยที่ 1 อนุมัติใช้งบประมาณกึ่งกลาง แล้วก็เชลยที่ 1 อนุมัติใช้งบประมาณกึ่งกลางปริมาณ 40,000,000 บาท มาดำเนินการโครงงาน Roadshow ก็เลยไม่เป็นการละเมิดความเห็นชอบคณะรัฐมนตรี

ปัญหาถัดไปมีว่า เชลยที่ 1 ถึงที่ 3 ด้วยกันตกลงให้เชลยที่ 4 แล้วก็ที่ 5 เป็นลูกจ้างทำโครงงาน Roadshow ไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนเริ่มการจัดว่าจ้างหรือเปล่า มีความคิดเห็นว่า เชลยที่ 1 เป็นผู้จัดการให้ สลน ทำโครงงาน Roadshow ก็เลยคือเรื่องธรรดาที่เชลยที่ 1 จะสั่งให้ปรับแต่งลักษณะของงาน เชลยที่ 1 ไม่ได้เป็นผู้บุกเบิกให้เชลยที่ 4 และก็ที่ 5 เข้ามาพรีเซ็นท์งาน ไม่ปรากฏว่าแบบงานได้ระบุเนื้อหา

คุณสมบัติเฉพาะประการใดที่เป็นการเอื้อประโยชน์แก่เชลยที่ 4 แล้วก็ที่ 5 โดยเฉพาะอย่างยิ่งชี้เฉพาะหรือกีดกั้นผู้เสนอราคารายอื่น ที่เชลยที่ 4 มีหนังสือถึงปลัดกระทรวงกระทรวงมหาดไทยขอความช่วยเหลือให้แต่ละจังหวัดอำนวยความสะดวก และก็เชลยที่ 1 เป็นประธานแถลงข่าวงานแผนการ Roadshow โดยมีบุคลากรของเชลยที่ 4 รวมทั้งที่ 5 ช่วยติดต่อประสานงานกับสื่อมวลชน

รวมถึงเชลยที่ 4 เป็นผู้ออกแบบแบบสำหรับในการจัดงานแถลงข่าวรวมทั้งโลโก้สร้างอนาคตไทย 2020 นั้น ก็ไม่ใช่เป็นการทำของเชลยที่ 1 และไม่ปรากฏว่าเชลยที่ 1 มีส่วนร่วมรู้เห็นเป็นใจหรือให้การยืนยันการจัดการ ทั้งที่ยังไม่ตายเนื้อหาในกรรมวิธีการปฏิบัติการ ก็เลยไม่อยู่ในวิสัยที่เชลยที่ 1 จะรู้ข้อสรุปได้ทั้งหมดทั้งปวง

สำหรับเชลยที่ 2 ไม่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จะรับผิดชอบโครงงาน Roadshow โดยตรงส่วนเชลยที่ 3 นั้น ปรากฏว่าขั้นตอนการคัดสรรเอกชนมาดำเนินการแผนการ Roadshow เป็นบทสรุปด้วยกันของหน่วยงานต่างๆแผนการของกระทรวงคมนาคมก็เคยว่าจ้างเอกชนมาดำเนินโครงงาน ก็เลยไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีเหมือนปกติ การที่เชลยที่ 3 แจ้งให้เชลยที่ 4 และก็ที่ 5 ไปสะสมผลงานอดีตกาลมาเสนอ

เกิดเรื่องที่เชลยที่ 3 จะต้องรับผิดชอบวิเคราะห์ก่อนเสนอต่อห้องประชุม ทั้งยังการที่เชลยที่ 4 แล้วก็ที่ 5 ก็ทำลักษณะของงานมาเสนอต่อห้องประชุม เป็นการทำโดยเผยแก่บุคคลอื่นจำนวนมาก โดยเชลยที่ 3 ไม่ได้ทำการอันใดในลักษณะที่เป็นการแนะนำหรือดึงดูดใจหรือให้การเกื้อหนุนเป็นพิเศษ ทั้งยังความจริงรู้เรื่องว่าไม่มีบุคคลใดออกคำสั่งให้เลือกเชลยที่ 4 แล้วก็ที่ 5 เป็นลูกจ้าง

หลักฐานทางสอบปากคำก็เลยยอมรับฟังมิได้ว่า เชลยที่ 1 ถึงที่ 3 ระบุตัวบุคคลให้เป็นลูกจ้างไว้ล่วงหน้าปัญหาถัดไปมีว่า เชลยที่ 1 ถึงที่ 3 ทำหน้าที่หรือยกเว้นการกระทำหน้าที่เกี่ยวกับการอนุญาต จ้างแผนการ Roadshow โดยแนวทางพิเศษตามฟ้องหรือเปล่า

เห็นควรวิเคราะห์วงเงิน 40,000,000 บาท ก่อนสำหรับเชลยที่ 1 นั้น ไม่ปรากฏว่าเข้าไปมีความเกี่ยวข้องแนวทางการจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนเชลยที่ 2 ไม่ปรากฏว่าเชลยที่ 2 เป็นผู้คิดค้นให้ปฏิบัติงานจ้างโดยแนวทางพิเศษ แต่ว่าเป็นการเสนอของข้าราชการเป็นลำดับชั้นแผนการ Roadshow ระบุเริ่มปฏิบัติการเมื่อวันที่ 4 เดือนตุลาคม 2556

และก็เชลยที่ 3 เสนอเรื่องต่อเชลยที่ 2 ช่วงวันที่ 1 ต.ค. 2556 ก็เลยไม่บางทีอาจใช้แนวทางการประกวดราคา อีกทั้งหัวหน้าฝ่ายพัสดุภัณฑ์ เกษียณอายุเนื้อความยืนยันว่าตรวจแล้ว ถูกตามระเบียบกฎเกณฑ์พัสดุภัณฑ์ กรณีมีเหตุพอเพียงให้เชลยที่ 2 ไตร่ตรองได้ว่าเป็นงานที่จำเป็นต้องปฏิบัติ

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -
ติดตั้ง เดลิเวอรี่ แอป ได้แล้ววันนี้

Most Popular

Recent Comments