วันเสาร์, พฤษภาคม 4, 2024
ติดตั้ง เดลิเวอรี่ แอป ได้แล้ววันนี้
หน้าแรกโรคระบาด4 โรคร้ายคุกคาม "ค่ายลี้ภัย" เมียนมา ผู้ป่วยอุจจาระร่วงพุ่ง เด็กป่วยมาลาเรีย สถานการณ์น่าเป็นห่วง

4 โรคร้ายคุกคาม “ค่ายลี้ภัย” เมียนมา ผู้ป่วยอุจจาระร่วงพุ่ง เด็กป่วยมาลาเรีย สถานการณ์น่าเป็นห่วง

กรมควบคุมโรคส่งสัญญาณเตือนภัย 4 โรคระบาดที่พร้อมโจมตี “ค่ายลี้ภัย” เมียนมา สร้างความหวาดหวั่นไปทั่ว โดยล่าสุด พบผู้ป่วยอุจจาระร่วงแล้ว 22 ราย และพบเด็กชายวัย 10 ขวบ ป่วยเป็นมาลาเรีย 1 ราย เจ้าหน้าที่เร่งนำส่งตัวเพื่อรักษาแล้ว

เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค ได้กล่าวถึงสถานการณ์การดูแลสุขภาพผู้ลี้ภัยจากสงครามในเมียนมาที่เข้ามาพักพิงในประเทศไทย โดยเน้นย้ำถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาดในค่ายลี้ภัย เมียนมา เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่แออัด ซึ่งอาจนำไปสู่การติดต่อโรคได้ง่าย โดยเฉพาะโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจและโรคติดต่อจากการสัมผัส

ค่ายลี้ภัย เมียนมา

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาดใน “ค่ายลี้ภัย” เมียนมา

  • สภาพแวดล้อมที่แออัด: ค่ายผู้ลี้ภัยมักมีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น ขาดแคลนพื้นที่ส่วนตัว ส่งผลต่อสุขอนามัยและเพิ่มโอกาสการติดต่อโรค
  • ระบบสุขาภิบาลที่ไม่เพียงพอ: การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูลที่ไม่เหมาะสม อาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรค ส่งผลต่อสุขภาพของผู้พักพิง
  • พฤติกรรมเสี่ยง: การขาดแคลนน้ำสะอาด การใช้ภาชนะร่วมกัน การไม่รักษาสุขอนามัยส่วนตัว ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการติดต่อโรค

ค่ายลี้ภัย เมียนมา

4 กลุ่มโรคที่ต้องเฝ้าระวัง

  1. โรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ: โรคเหล่านี้มักพบได้บ่อยในช่วงหน้าร้อน อาการที่พบบ่อยคือ อาเจียน ท้องเสีย ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำและเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
  2. โรคติดต่อทางเดินหายใจ: โรคเหล่านี้อาจแพร่กระจายผ่านละอองฝอย การไอ จาม หรือการสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อน โรคที่พบบ่อยในกลุ่มนี้ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ
  3. โรคป้องกันได้ด้วยวัคซีน: เด็กผู้ลี้ภัยบางรายอาจไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบตามกำหนด ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน เช่น โรคคอตีบ โรคหัด โรคโปlio
  4. โรคติดต่อนำโดยแมลง: แมลงนำโรค เช่น ยุง ริ้น อาจแพร่เชื้อโรคไข้เลือดออก มาลาเรีย Dengue fever ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

ป้องกันการระบาดใน “ค่ายลี้ภัย” เมียนมา ร่วมมือทุกภาคส่วน สร้างสิ่งแวดล้อมปลอดภัย

พญ.จุไร ชี้แจงว่า การป้องกันโรคระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน โดยต้องให้ความสำคัญกับปัจจัยต่างๆ ดังนี้

1. สิ่งแวดล้อม

  • บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมให้สะอาด ปลอดโปร่ง ไม่แออัด อากาศถ่ายเทสะดวก
  • ดูแลระบบจัดการน้ำดื่มและน้ำใช้ ป้องกันน้ำดื่มไม่สะอาดซึ่งอาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ
  • รักษาความสะอาดของห้องส้วม ให้ถูกสุขลักษณะ
  • เก็บขยะมูลฝอยอย่างถูกต้องตามหลักสุขาภิบาล

2. สุขอนามัยส่วนบุคคล

  • เน้นย้ำการล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่ เป็นวิธีป้องกันโรคระบาดที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ
  • เตรียมน้ำสบู่สำหรับล้างมือไว้ให้พร้อมเสมอ เพราะแอลกอฮอล์เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในกรณีที่มือเปื้อนฝุ่นหรือสิ่งสกปรก
  • สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ หรือพื้นที่ที่มีผู้คนหนาแน่น
  • ใช้เจลล้างมือเมื่อไม่มีน้ำและสบู่
  • ทายากันยุงเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกและโรคอื่นๆ ที่นำโดยยุง

3. อาหาร

  • ควบคุมระบบการปรุงจัดเก็บและบริการอาหารอย่างถูกสุขลักษณะ
  • สนับสนุนให้ประชาชนรับประทานอาหารปรุงสุก ร้อน สะอาด

4. การฉีดวัคซีน

  • ส่งเสริมให้เด็กได้รับวัคซีนพื้นฐานครบตามกำหนด
  • รณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ

พญจุไรกล่าวว่าในส่วนของโรคทางเดินหายใจ หากมีอาการไอหรือจาม ควรสวมหน้ากากอนามัย ถ้าคุณสบายดีและอยู่ในที่ปลอดโล่ง อาจไม่ต้องใส่หน้ากาก แต่หากคุณไม่สบาย ควรรับผิดชอบต่อสังคมและสวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะผู้ป่วยไม่ให้มีการแพร่เชื้อ อาการของโควิด-19 มีความคล้ายกับไข้หวัด อาจมีไข้ ไอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย และอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย

สำหรับการระวังโรคไข้เลือดออก ควรใช้ยาทากันยุงและสวมเสื้อผ้าที่มิดชิด แม้ว่าอาจจะร้อนในช่วงนี้ แต่เมื่อเข้ามาอยู่ข้างใน ยุงจะมาช่วงโพล้เพล้ ซึ่งจะช่วยป้องกันได้ ส่วนโรคเท้าช้างไม่พบบ่อยในบ้านเรา แต่ต้องคอยระวังจากตรงศูนย์อพยพ มีการตรวจเฝ้าระวัง และสนับสนุนยา.

ติดตาม ข่าวโรคระบาด ได้ที่นี่

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -
ติดตั้ง เดลิเวอรี่ แอป ได้แล้ววันนี้

Most Popular

Recent Comments