จากข่าวที่ Sky News เสนอ เกี่ยวกับสาเหตุที่ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ไม่มาเปิดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย หลายคนอาจรู้สึกงุนงงว่าทำไมเธอถึงเลือกสิงคโปร์แทน

ความจริงก็คือ รัฐบาลสิงคโปร์ได้ทุ่มเงินอุดหนุน เทย์เลอร์ สวิฟต์ 2-3 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อรอบ เพื่อแลกกับเงื่อนไขที่เธอจะต้องแสดงคอนเสิร์ต “The Eras Tour” ในสิงคโปร์เพียงประเทศเดียวในอาเซียน

เรื่องนี้ทำให้หลายคนตั้งคำถาม ว่า นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน คลั่งไคล้ เทย์เลอร์ สวิฟต์ เช่นกันหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ นายกฯ เคยพูดถึง “เทย์เลอร์ สวิฟต์” อยู่บ่อยครั้ง

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า นายกฯ เศรษฐา คลั่งไคล้ เทย์เลอร์ สวิฟต์ เป็นการส่วนตัว แต่การที่รัฐบาลสิงคโปร์ทุ่มเงินอุดหนุน “เทย์เลอร์ สวิฟต์” นั้น อาจเป็นเพราะต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ

ทั้งนี้ ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่น

นโยบายแจกเงินดิจิทัลห้าแสนล้านบาท ของนายกฯ เศรษฐา จะมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่?

รัฐบาลไทยควรมีนโยบายส่งเสริม soft power ของประเทศอย่างไร?

แฟนคลับชาวไทยควรทำอย่างไร เพื่อให้ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” มาเปิดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย?

สิ่งสำคัญคือ เราควรติดตามข่าวสารและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้าน เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์และประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างถ่องแท้

Sky News รายงานว่า เทย์เลอร์ สวิฟต์ คนดังที่เคยมีแผนจะมาแสดงในประเทศไทย ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในปี 2557 ได้เลื่อนการแสดงไปโดยไม่บอกเหตุผล แม้ว่าบัตรจะขายหมดไปแล้ว ภายหลัง Sky News ค้นพบว่า เหตุผลอาจเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศ

“รัฐบาลสิงคโปร์เก่งมาก” ผู้จัดการเผย “เธอ” เซ็นสัญญากับรัฐบาลสิงคโปร์

นายเศรษฐา ผู้เป็นผู้จัดการแสดงของเธอ กล่าวใน iBusiness Forum 2024 ว่า “รัฐบาลสิงคโปร์เก่งมาก” และเปิดเผยว่า “เธอไม่ได้ไปแสดงในประเทศอื่นในอาเซียน เพราะเธอได้ทำสัญญากับรัฐบาลสิงคโปร์แล้ว” นายเศรษฐาบอกใน Keynote Speech ว่า “ผมคิดว่าผมน่าจะซื้อเธอมาแสดงในประเทศไทยดีกว่า เพราะที่นี่ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า และคอนเสิร์ตของเธอสามารถดึงดูดคนสนับสนุนและนักเดินทางได้เยอะมาก…#แม้ว่าผมต้องจ่ายเงินให้เธออย่างน้อย 500 ล้านบาท แต่ก็คุ้มค่าที่จะทำ” นายเศรษฐาสรุปว่า #คอนเสิร์ตของเธอช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจ

ในการประชุมธุรกิจ iBusiness Forum 2024 นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการใช้จ่ายเงินอย่างใหญ่โตเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำ โดยมีการอ้างถึงการจ้างนักร้องชื่อดังจากอเมริกาด้วยเงินจำนวนมหาศาลเป็นวิธีหนึ่งในการเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ แต่คำถามที่ถูกตั้งขึ้นคือ การจ้างนักร้องต่างชาติมาแสดงจะช่วยเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจได้อย่างไร เมื่อเงินที่จ่ายไปนั้นจะถูกนำออกจากประเทศ ในขณะที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้กล่าวถึงนักร้องไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง ลิซ่า หรือ ลลิสา มโนบาล จากวงแบล็คพิ้งค์ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในเกาหลีใต้และทั่วโลก และมีภาพของเธอปรากฏบนจอแสดงผลขนาดใหญ่ในเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์กและปารีส การจ่ายเงินจำนวนมากให้กับนักร้องอเมริกันเพื่อแสดงในประเทศไทย

ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 500 ล้านบาท ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าตามคำกล่าวของนายกรัฐมนตรี แต่สิ่งนี้อาจสร้างความสับสนให้กับนักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติที่เข้าร่วมการประชุม เกี่ยวกับสถานะที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทยที่รัฐบาลได้กล่าวถึงอย่างต่อเนื่องว่ากำลังประสบกับวิกฤติ

นโยบาย “ดิจิทัลมันนี่” ของพรรคเพื่อไทย: แรงกระตุ้นเศรษฐกิจหรือความเสี่ยงทางการเงิน?

การดำเนินนโยบาย “ดิจิทัลมันนี่” โดยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีนายเศรษฐาได้ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนในระดับสากลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะผลักดันนโยบาย “ดิจิทัลมันนี่” และการประกาศแจกเงินดิจิทัลจำนวน 10,000 บาทให้กับประชาชนไทย 50 ล้านคนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลอ้างว่ากำลังประสบวิกฤต แต่องค์กรทางการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย, สภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, ทีดีอาร์ไอ และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ต่างยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้ประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจ แต่เป็นเพียงการเติบโตที่ช้าลงตามสถานการณ์ทั่วโลก

ความไม่ชัดเจนในแผนการหาเงินสำหรับนโยบาย “ดิจิทัลมันนี่” และความเสี่ยงที่จะละเมิดกฎหมายวินัยการเงิน รวมถึงคำถามเกี่ยวกับการสร้างหนี้ระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการที่ต้องใช้เงินกว่า 500,000 ล้านบาท ได้ทำให้หลายฝ่ายแสดงความกังวลและคัดค้าน คณะกรรมการกฤษฎีกาและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ออกหนังสือเตือนรัฐบาลให้ระมัดระวังการละเมิดกฎหมายวินัยการเงินการคลัง

ด้วยความที่นโยบายดิจิทัลมันนี่ไม่สามารถนำมาใช้ได้จริงในทางปฏิบัติ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจึงต้องยอมรับความจริงนี้ แต่การยกเลิกนโยบายทันทีไม่ใช่สิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะทำได้ง่ายๆ ทางเลือกที่นายเศรษฐาและรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยมีในขณะนี้คือการตั้งกรรมการและอนุกรรมการเพื่อศึกษาปัญหาและหาทางออกเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของพรรคไปวันๆ

สุทิน รมว.กลาโหม ยันรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวถึงกังวลใน เรื่องเกาะกูด

ในการสัมภาษณ์ล่าสุดกับกระทรวงกลาโหม เราได้ยินเสียงของ นายสุทิน คลังแสง ร.มต.ว่าการ กระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับความกังวลที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมเรื่องพื้นที่ทับซ้อน เฉพาะเรื่องเกาะกูดที่อยู่ จังหวัดตราด ในบทสัมภาษณ์นี้ เราได้รับการยืนยันว่า การรักษาระบอบประชาธิปไตยเป็นหน้าที่หลักของรัฐบาล

ด้วยการตรวจสอบ และ แก้ไขปัญหาที่สำคัญในสภาและด้านต่างๆของรัฐบาล การพูดคุยกับส่วนต่างๆของสังคมก่อนการดำเนินการเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่ามีการแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสมและเป็นไปตามวิธีการที่เป็นระบบ

การถามถึงความกังวลในสังคมเกี่ยวกับความไม่แน่ใจในอนาคต นายสุทินได้ระบุว่า เราควรแยกแยะระหว่างความกังวลส่วนตัวและความรับผิดชอบต่อชาติ และเขาเชื่อว่าการเชื่อมั่นและการทำงานร่วมกันจะช่วยให้เราผ่านวิกฤตได้ การเจรจาและการพูดคุยเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ไขปัญหา และเราควรให้ความสำคัญกับเสียงของทุกคน อย่างไรก็ตาม เราควรปฏิบัติตามกฎหมายและรักษาความเป็นระบบ

เมื่อถามถึงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ของ เกาะกูด นายสุทินระบุว่า มีความคล้ายคลึงกันกับสถานการณ์ในสุราษฎร์ธานี และการหาวิธีการแก้ไขที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ การแยกแยะระหว่างประโยชน์ของครอบครัวและประโยชน์ของชาติเป็นเรื่องที่ทุกคนควรพิจารณา

ประเทศไทยมีระบบ การปกครอง ที่เป็นธิปไตย ที่เป็นที่นับถือของประชาชน ในการตรวจหาข้อมูล เราควรมั่นใจว่าระบบนี้จะช่วยให้เราพ้นจากความกังวล และให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและเป็นระบบอย่างที่ควร

จิรายุ ป้อง รมต.เลื่อนตอบกระทู้สด ยัน 7 มี.ค. สุทิน พร้อมมาตอบ

จิรายุ วันนี้ ประชุมสภาป้องรัฐมนตรี เลื่อนตอบเรื่องที่โต้แย้งจากฝ่ายค้าน แนะสภา แก้ไขกฎบังคับให้ยื่นล่วงหน้า 1-2 วัน จากเดิม ยื่น 08:00 ถาม 11:00 ยัน พรุ่งนี้ สุทิน เคลียร์คิวไม่รับงาน พร้อมตอบ วันที่ 1 มีนาคม 2567 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ทำหน้าที่ โฆษกกระทรวงกลาโหมฝ่ายการเมือง เข้าใจเนื่องจากเคยเลื่อนการตอบกลับเมื่อเป็นฝ่ายค้าน แต่ไม่เห็นความสำคัญมาก 

เมื่อรัฐมนตรีส่วนใหญ่ต้องการให้เวลาเพียงสัปดาห์ ถัดไปหรือเพียงเอกสารในการตอบคำถาม การประชุมรัฐสภาอาจมีการเลื่อนไปเรื่อยๆ ฉะนั้น สำหรับสมาชิกสภา การเร่งรัดกระบวนการอาจไม่เป็นไปตามนโยบายที่คาดหวังไว้ เพื่อให้ประชุมเป็นไปได้ตามปกติ 

สภาควรพิจารณาแก้ไขกฎบังคับ เพื่อให้สมาชิกสามารถแจ้งถามกับรัฐมนตรี และ รับคำตอบได้ในวันเดียวกัน โดยการเลื่อนเวลาการตอบคำถามให้เหมาะสมกับความเร่งด่วนของปัญหาและการตัดสินใจที่เร่งด่วน ยกตัวอย่างเช่น เริ่มต้นการแจ้งถามเวลา 08:00 และการตอบกลับภายในเวลา 11:00 ในวันเดียวกัน 

ซึ่งจะเพิ่มเวลาให้กับสมาชิกสภาในการพิจารณาข้อมูล และ การตัดสินใจอย่างถูกต้องในสภานี้ แก้ไขกฎบังคับเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความเร่งรีบและความมั่นใจในการดำเนินการของรัฐสภาในทุกเรื่องราวในวันประชุมแต่ละครั้งโดยไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ต้องการความสนับสนุนเพิ่มเติมหรือเรื่องที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

นายจิรายุ ที่เคยเป็นฝ่ายค้าน เข้าใจถึงความสำคัญในการให้เกียรติกับข้อบังคับ และ ได้เสนอวิธีการเพื่อป้องกันความไม่สอดคล้อง โดยการประสานงานล่วงหน้า และการกำหนดเวลาที่เหมาะสมสำหรับการตอบกระทู้  โดยเขายังเรียกร้องให้รัฐสภาเปลี่ยนแปลงข้อบังคับเพื่อให้มีการยื่นกระทู้ล่วงหน้า 1-2 วันเพื่อลดความไม่สะดวกในการตอบกลับและเพิ่มประสิทธิภาพในการประชุม การปรับปรุงข้อบังคับดังกล่าวจะช่วยให้การประชุมสภามีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับระบบการตัดสินใจของประเทศในอนาคต

นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ภาคใต้ มุ่งแก้ปัญหาโดยตรงผ่านกลยุทธ์เศรษฐกิจและความยุติธรรม

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ มีโอกาสในการเยี่ยมชม คณะบุคคลสำคัญที่ ที่ได้รับตำแหน่งสูงสุดในศาสนาอิสลามในประเทศไทยคือ นายอรุณ บุญชม การเยี่ยมชมนี้เป็นการสร้างความสัมพันธ์ 

เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมได้เป็นอย่างดี เราได้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกันและส่งเสริมศักยภาพของคนที่มีอิทธิพลในสังคมให้เติบโตและพัฒนาขึ้นอย่างยั่งยืน ดังนั้น การเยี่ยมชมคณะบุคคลสำคัญเช่นนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างฐานะที่ดีในการทำงานร่วมกันในอนาคต

ในการเยือนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้นำเสนอแผนการส่งเสริมเศรษฐกิจภาคใต้ผ่านการสนับสนุนธนาคารอิสลาม ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการเปิดโอกาสให้กับประชาชนมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง มีบทบาทสำคัญในการให้คำปรึกษาด้านศาสนาอิสลามแก่รัฐบาลไทย

การแก้ไขปัญหาโดยตรง มุ่งเน้นเศรษฐกิจและโอกาส แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จาก สส. พรรคก้าวไกล เกี่ยวกับประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาที่แท้จริงในพื้นที่ 3 จังหวัด แต่ทางนายกรัฐมนตรียืนกรานว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการแก้ไขปัญหาโดยตรง มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างโอกาสให้กับประชาชน โดยไม่ละเลยเรื่องความยุติธรรม

การตระหนักถึงสถานการณ์จริง มุ่งลดความรุนแรง นายกรัฐมนตรีตระหนักถึงเรื่องราวในพื้นที่ 3 จังหวัด และมุ่งมั่นที่จะลดความรุนแรง ซึ่งจากข้อมูลในช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมา พบว่ามีการลดความรุนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด

พัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น มุ่งสู่สันติภาพ การลงพื้นที่ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของนายกรัฐมนตรีในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นและนำสันติสุขมาสู่พื้นที่ 3 จังหวัด โดยยึดมั่นในหลักการของความยุติธรรมและมุ่งหวังให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต

สรุป การลงพื้นที่ภาคใต้ของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาโดยตรงผ่านกลยุทธ์เศรษฐกิจและความยุติธรรม โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น สร้างโอกาสให้กับประชาชน และนำสันติสุขมาสู่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

นักธุรกิจชาวสวิสและภรรยาชาวไทย ยกมือไหว้ขอโทษ “เตะหมอ”

นักธุรกิจชาวสวิส-ภรรยาชาวไทย ยกมือขอโทษชาวภูเก็ตและคนไทยทั้งประเทศ เตะหมอแล้วยอมรับว่าโกรธจนหมดสติไป เพราะนักท่องเที่ยวบุกเข้ามาในพื้นที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่ายอมจ่ายเงินทุกอย่าง พร้อมยอมรับว่ารู้จัก ผบ.ตร. จริงๆ เรียกว่า “ท่านรอง” ขณะที่ทนายแจง ผมเชื่อว่าบทเรียนได้เรียนรู้แล้ว

เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 1 มีนาคม 2567 ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) อ.เมือง นายกองเอก อดุลย์ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ภาสกร สนธิกุล รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กำกับดูแลการสอบสวน พ.ต.ท.เอกชัย ศิริ สวญ.ส.ทท.1 กก.2 บก.ทท.3 

ได้รับการประสานจากทนายความของนายเดวิด นักธุรกิจชาวสวิตเซอร์แลนด์และภรรยาชาวไทย โดยมีนักธุรกิจชาวไทยเป็นผู้ประสาน เพื่อจะนำนายเดวิดและภรรยาชาวไทยเข้าพบ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลัก คือ จะขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อชาวไทยทั้งประเทศและผู้เสียหาย ตลอดจนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางสื่อมวลชนเป็นจำนวนมาก