เจ้าของร้านเปิดใจ หลังเจอคนแอบนำ “แกงถุง” 5 กระสอบ มาทิ้ง บอกถ้าจะเอามาทิ้งไม่ต้องแอบ จะเอาไปแจกให้คนยากไร้ ด้านวัดในพื้นที่ยืนยันไม่ใช่พระสงฆ์ในวัดแน่นอน
จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพที่มีคนแอบนำ “แกงถุง” 5 กระสอบ มาทิ้งถังขยะหน้าร้านของเก่า แล้วบอกว่าเสียดายแทนคนไม่มีเงินซื้อ จนกลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์นั้น
ล่าสุด วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าวกับ นางหนูรัตน์ ขอบเพ็ชร อายุ 48 ปี เจ้าของร้านรับซื้อของเก่า ที่ ม.3 ถ.ลำลูกกา คลอง 3 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี สถานที่ที่มีคนนำถุงข้าวแกงมาทิ้งไว้
โดยทาง นางหนูรัตน์ ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูจุดที่คนนำถุงข้าวแกงมาทิ้งไว้ 5 กระสอบ ที่ถังขยะบริเวณด้านหน้าร้าน และส่วนที่ยังคงเหลืออยู่ประมาณ 50 กว่าถุงที่ยังเก็บเอาไว้ พร้อมเล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้เดินทางมาที่ร้านรับซื้อของเก่าที่เช่าเอาไว้ ซึ่งขณะเข้ามาสังเกตเห็นถังขยะหน้าร้านมีอะไรทิ้งจนเต็มไปหมด
นางหนูรัตน์ กล่าวต่อว่า การนำของมาทิ้งแบบนี้ตนรู้สึกหดหู่ใจ คุณไม่มีที่จะทิ้งแล้วหรือ ถึงมาทิ้งแบบนี้ พอเราไปเห็นมันไม่ใช่น้อยๆ ประมาณ 200-300 ถุงได้ ตนจึงขอแนะนำว่าถ้าคนทิ้งที่ดูอยู่ ถ้าจะมาทิ้งให้มาบอกกันเลย ไม่ต้องแอบเอามาทิ้ง
ตนจะนำอาหารทั้งหมดนำไปแจกจ่ายคนเร่ร่อน หรือคนงานในแคมป์จะดีกว่า พอมาเห็นแบบนี้รู้สึกไม่สบายใจ เพราะว่าตนเป็นคนชอบทำบุญใส่บาตร พอมาเจอแบบนี้ทำให้ตนคิดว่าจะใส่บาตรหรือเปล่า เพราะไม่รู้ว่าคุณจะเอาแต่ซองปัจจัยหรืออย่างไร ทำไมไม่ทิ้งทั้งซอง และอาหารมาด้วยกัน
ทั้งนี้ตนคาดว่าคงไม่ใช้พระสงฆ์จริงๆ อาจจะเป็นพระปลอม เนื่องจากว่าตนเองไปใส่บาตรบริเวณตลาดใหญ่แถวนี้ พบว่าพระบางรูปให้พรเป็นภาษาที่ฟังแล้วไม่รู้เรื่อง ต่างจากพระรูปอื่น ดังนั้นตนจึงตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่าคงไม่ใช่พระแท้อย่างแน่นอน
ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงจากวัดที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกับร้านรับซื้อของเก่าของนางหนูรัตน์ พบว่าห่างไปประมาณ 300 เมตรนั้นมีวัดอยู่ตรงข้ามคือ วัดสายไหม และห่างออกไปอีกกว่า 3 กิโลเมตรพบ วัดโพสพผลเจริญ
โดย พระครูโสภณภัทรเวทย์ (พระอาจารย์อ๊อด) เจ้าอาวาสวัดสายไหม รองเจ้าคณะอำเภอลำลูกกา จ.ปทุมธานี กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวที่ตกเป็นข่าวอยู่ขณะนี้ ไม่ใช่มีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แต่มีมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากได้ให้ข้อสังเกตว่าไม่ใช่พระแต่เป็นอลัชชีไม่มียางอายหากินในคราบผ้าเหลือง
ซึ่งภายในตลาดใกล้ๆ วัดก็มีบุคคลลักษณะนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งอาตมาเคยเป็นพระวินยาธิการเดินทางไปตรวจสอบ ก็ถูกแอนตี้โดนกล่าวว่าร้ายเสียๆ หายๆ ว่ามาจับพระที่เขาเดินมาบิณฑบาตทำไม ซึ่งคาดว่ามาจากบุคคลเหล่านี้เสียผลประโยชน์จากผู้ประกอบการ ซึ่งถ้าเป็นพระสงฆ์ที่บวชถูกต้อง ท่านก็จะรู้ ท่านจะแยกแยะว่าทำลงไปแล้วจะเสียหายต่อพระพุทธศาสนา