1win aviatormostbet aviatormostbetluckyget1 win indiamosbetpin upone win gameпинапpin up casino online1win online1 win onlinepin up kzmosbet indiamosbetmostbetaviatormosbetmosbetpinupmosbet aviatorparimatchmosbet india4era betpinap1 win4rabet gamelucky jet online4rabet1win saytiparimatchpin up casino1 win1win lucky jetpin up betlucky jetmostbet casinomostbet1win casinopin up betting4rabet bdlukyjet1win apostalucky jet crashaviator mostbet1 win1win slotpin-up1winmostbet azmostbet az
วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 9, 2024
ติดตั้ง เดลิเวอรี่ แอป ได้แล้ววันนี้
หน้าแรกข่าวยานยนต์MGC-ASIA ลั่นปี’67 รายได้ทะลุ 3 หมื่นล้าน เสริมทัพ EV จีน 2 แบรนด์

MGC-ASIA ลั่นปี’67 รายได้ทะลุ 3 หมื่นล้าน เสริมทัพ EV จีน 2 แบรนด์

‘MGC-ASIA’ ประกาศผลดำเนินงานปี 2566 ทำรายได้ 25,133 ล้านบาท เติบโต 9% ลั่นปี 2567 ผนึก ปตท.กวาด EV จีนเสริมทัพ 2 แบรนด์ Xpeng และ ZEEKR ทำรายได้ทะลุ 3 หมื่นล้าน เดินหน้าขยายระบบนิเวศทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

วันที่ 1 มีนาคม 2567 ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2566
ทำรายได้ 25,133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานทำได้ 711 ล้านบาท และวางเป้าหมายปี 2567 รายได้ทะลุ 3 หมื่นล้านสร้างการเติบโตทุกกลุ่มธุรกิจ พร้อมขยายระบบนิเวศทางธุรกิจหรือ MGC-ASIA Ecosystem ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าครอบคลุมทุกมิติ พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ตอกย้ำผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ครบวงจร

“อาจจะดูขัดความรู้สึกนิดนึงในภาวะเศรษฐกิจหรือการเติบโตของจีดีพีแบบนี้ แต่เนื่องจากเรามีการสร้างอีโคซิสเต็มและมีพันธมิตรใหม่รวมถึงมีรถ EV จีน อีก 2 แบรนด์เข้ามาเสริม”

ทั้งนี้บริษัทได้บรรลุข้อตกลงการร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญ บริษัท อรุณพลัส ในเครือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านธุรกิจน้ำมันและพลังงานของไทย โดยอาศัยความเชี่ยวชาญในแต่ละส่วนงานของทั้งสององค์กร เพื่อสร้างระบบนิเวศธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร เป็นครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมจัดตั้งบริษัทใหม่ชื่อ นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย ร่วมกันทำตลาดรถ EV แบรนด์ Xpeng และ ZEEKR

“เงื่อนไขการลงทุนมีสัดส่วนการถือหุ้นคนละครึ่ง มีรถครบทุกเซ็กเมนต์ทำตลาด เราไม่ได้เข้ามาตรการส่งเสริม EV 3.5 ของรัฐบาล การร่วมทุนครั้งนี้เตรียมไว้ 3 เฟส โดยแบรนด์ Xpeng เราเป็นเอ็กซ์คลูซีฟดีลเลอร์ 3 ปี ส่วนแบรนด์ ZEEKR เป็นแค่ดีลเลอร์พาร์ตเนอร์ชิป เรามั่นใจว่าอีโคซิสเต็มที่เรามีอยู่ทั้งหมดจะหนุนธุรกิจและผลประกอบการให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้”

สำหรับผลจากการดำเนินปี 2566 แม้กำไรที่ทำได้ 711 ล้านบาทจะลดลง 21% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการแข่งขันด้านราคาในตลาดรถยนต์ใหม่ รวมถึงการชะลอตัวของการปล่อยสินเชื่อที่น้อยลง แต่บริษัทยังสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดที่ยังเติบโตขึ้น รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่าย เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ และการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา

สำหรับปี 2567 MGC-ASIA มุ่งสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจครบวงจรภายใต้ MGC-ASIA Ecosystem ที่สมบูรณ์และแข็งแกร่ง ผ่านการขับเคลื่อนการเติบโต 4 กลุ่มธุรกิจหลัก เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ

ประกอบด้วย 1) กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Retail Business) กลุ่มบริษัทวางเป้าหมายสร้างการเติบโตผ่านการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ เพื่อขยายฐานผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง และมีแผนร่วมลงทุนกับกลุ่มพันธมิตร ขยายธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร รองรับเมกะเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโต

2) ธุรกิจให้บริการหลังการขาย (Aftersales Service) สัดส่วนรายได้จากบริการหลังการขายมีอัตราเติบโตต่อเนื่องจากความไว้วางใจของลูกค้า โดยในปี 2566 มีจำนวนการเข้าใช้บริการ 201,051 ครั้ง เพิ่มขึ้น 11.55% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และรายได้ต่อการบริการต่อครั้งเพิ่มขึ้นจาก 17,926 บาท เป็น 18,195 บาท นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทยังได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกอย่าง Tesla ให้ดำเนินธุรกิจศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Approved Body Shop (TAB) พร้อมมีแผนขยายสาขาเพื่อรองรับการเติบโตรถยนต์ไฟฟ้า

3) ธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว และพนักงานขับรถ (Car Rental and Driver Services) ปี 2566 จำนวนรถให้เช่าระยะสั้น ภายใต้แบรนด์ ‘SIXT’ ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 40% โดยเฉพาะการเพิ่มรถยนต์ในกลุ่มพรีเมี่ยม รองรับปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการท่องเที่ยวในประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2566 รายได้รถเช่า SIXT เติบโตกว่า 40% เมื่อเทียบกับปี 2565 ด้านรถเช่าระยะยาวในปี 2566 จำนวนรถให้เช่าเติบโต 20% ทำให้ภาพรวม บจก.มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล มีรายได้รวมประมาณ 1,400 ล้านบาท เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปี 2565 นอกจากนี้ภายในปี 2567 บริษัทมีแผนขยายธุรกิจไปยังกลุ่มรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ให้เช่า (Commercial Vehicle Rental) เพื่อให้บริการครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น

 

4) กลุ่มธุรกิจอื่น ๆ (Other Services) บริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ผู้ให้บริการธุรกิจบริการประกันภัยชั้นแนวหน้า โดยในปีงบประมาณช่วงเดือนตุลาคม 2565 ถึงกันยายน 2566 มีรายได้ 331 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 8% และเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 289 ล้านบาท โดยเติบโตจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่แก่กลุ่มลูกค้าเดิม รักษาอัตราการต่ออายุกรมธรรม์ที่เพิ่มมากขึ้น และขยายไปสู่ตลาดใหม่ เช่น พลังงานหมุนเวียน และโครงการโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีกำไรก่อนหักภาษีอยู่ที่ 129 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) มีพอร์ตสินเชื่อเติบโตจากปีก่อนหน้า 84% โดยมีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มมั่งคั่ง (High Net Worth) เพิ่มขึ้นเป็น 50% ของพอร์ตสินเชื่อรวมตามเป้าหมาย และสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรผ่านการเสนอผลิตภัณฑ์ Yacht Financing และ Wealth Lending ให้กลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้ผลการดำเนินงานปี 2567 เติบโตตามเป้าหมายที่กำหนด

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -
ติดตั้ง เดลิเวอรี่ แอป ได้แล้ววันนี้

Most Popular

Recent Comments