1win aviatormostbet aviatormostbetluckyget1 win indiamosbetpin upone win gameпинапpin up casino online1win online1 win onlinepin up kzmosbet indiamosbetmostbetaviatormosbetmosbetpinupmosbet aviatorparimatchmosbet india4era betpinap1 win4rabet gamelucky jet online4rabet1win saytiparimatchpin up casino1 win1win lucky jetpin up betlucky jetmostbet casinomostbet1win casinopin up betting4rabet bdlukyjet1win apostalucky jet crashaviator mostbet1 win1win slotpin-up1winmostbet azmostbet az
วันศุกร์, พฤษภาคม 10, 2024
ติดตั้ง เดลิเวอรี่ แอป ได้แล้ววันนี้
หน้าแรกสิ่งแวดล้อมเทคโนโลยีล้ำ! NASA ร่วมสแกนอากาศไทย แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 คืนอากาศบริสุทธิ์

เทคโนโลยีล้ำ! NASA ร่วมสแกนอากาศไทย แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 คืนอากาศบริสุทธิ์

เทคโนโลยีล้ำ ล่าสุดขององค์กรอวกาศ NASA พวกเขาได้จัดส่งยานบินสำรวจจำนวนสองลำ ร่วมสแกนอากาศไทย เพื่อศึกษาสภาพอากาศเหนือประเทศไทย การศึกษานี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างประเทศที่รวมถึงประเทศเกาหลีใต้ โดยมีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบและระบุสารพิษหลักที่เป็นต้นเหตุของปัญหามลพิษทางอากาศในภูมิภาค การสำรวจนี้ได้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 16 ถึง 25 มีนาคม และมีแผนที่จะเปิดเผยผลการวิเคราะห์ภายในระยะเวลาหนึ่งปี การศึกษาครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราเข้าใจถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพอากาศเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษในอนาคตอีกด้วย

ในการประกาศ ข่าวสิ่งแวดล้อม ล่าสุดของ NASA หรือองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้เปิดเผยถึงความร่วมมืออันแน่นแฟ้นกับหน่วยงานระหว่างประเทศหลายแห่ง อาทิ สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเกาหลีใต้ และ GISTDA หรือสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศของไทย โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการ ร่วมสแกนอากาศไทย ผ่านการใช้ เทคโนโลยีล้ำ ทางอากาศและดาวเทียม ภายใต้โครงการ ASIA-AQ หรือ Airborne and Satellite Investigation of Asian Air Quality ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งเน้นการศึกษาปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อคุณภาพอากาศ และวิธีการปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น

ในการพัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับคุณภาพอากาศในเอเชีย โครงการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ได้ถูกเริ่มต้นขึ้น โดยมีการรวมมือกันของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ หน่วยงานที่เชี่ยวชาญด้านคุณภาพอากาศ และรัฐบาลจากหลายประเทศ เป้าหมายคือการสร้างฐานข้อมูลที่ครอบคลุมและละเอียดถี่ถ้วนเกี่ยวกับสภาพอากาศในภูมิภาคนี้ โดยการใช้เทคโนโลยีที่หลากหลาย เช่น เครื่องบินที่ติดตั้งอุปกรณ์วัดคุณภาพอากาศ สถานีวัดคุณภาพอากาศบนพื้นดิน และดาวเทียมที่มีความสามารถในการตรวจจับสารปนเปื้อนในชั้นบรรยากาศจากอวกาศ

เทคโนโลยีล้ำ NASA ร่วมสแกนอากาศไทย แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5

การรวบรวมข้อมูลที่แม่นยำนี้จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถวิเคราะห์และทำความเข้าใจถึงแนวโน้มและผลกระทบของคุณภาพอากาศต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้ดียิ่งขึ้น โดยมีการแบ่งปันข้อมูลและความรู้ที่ได้รับกับสาธารณะ เพื่อเพิ่มความตระหนักและสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายในการจัดการกับปัญหาคุณภาพอากาศ

ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการของสถาบันทดสอบอากาศแห่งชาติ (สทอภ.) ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือนานาชาติในโครงการนี้ โดยระบุว่า “การทำงานร่วมกันของเรากับองค์กรอย่างนาซา, ไต้หวัน, มาเลเซีย, เกาหลีใต้, และไทย ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความเข้มแข็งในการวิจัยของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างพลวัตในการทำงานร่วมกันที่จะนำไปสู่การค้นพบใหม่ๆ และการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คนในภูมิภาคนี้” โดยมีแผนที่จะเปิดเผยผลลัพธ์ของโครงการให้กับสาธารณชนภายในระยะเวลาหนึ่งปี ซึ่งจะช่วยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถตอบสนองและปรับตัวต่อสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

ปัญหามลพิษทางอากาศในประเทศไทยกำลังเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและพื้นที่กลางของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นและมีการจราจรคับคั่ง การเพิ่มขึ้นของฝุ่น PM 2.5 นี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อคุณภาพอากาศเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนในพื้นที่เหล่านี้ด้วย

เทคโนโลยีล้ำ NASA ร่วมสแกนอากาศไทย แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5

ผู้อำนวยการสำนักงานทดลองและประเมินผลสิ่งแวดล้อม (สทอภ.) ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีระบบติดตามคุณภาพอากาศที่แม่นยำ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถระบุช่วงเวลาที่มลพิษอากาศมีความหนักหน่วง และด้วยข้อมูลนี้ ประชาชนสามารถวางแผนกิจกรรมของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเสี่ยงกับผลกระทบจากมลพิษ

ดร. Barry Lefer นักวิทยาศาสตร์ประจำโครงการจาก NASA ได้ชี้ให้เห็นว่าโครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับปัญหามลพิษทางอากาศเท่านั้น แต่ยังเป็นการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่มีค่าระหว่างประเทศที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและกำลังเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศอย่างหนัก ประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าเมืองหลักในเอเชียที่เข้าร่วมโครงการ ได้รับการเลือกให้เป็นสถานที่สุดท้ายในการเก็บข้อมูลเนื่องจากมีการเผาทางเกษตรกรรมค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อคุณภาพอากาศ

ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้แสดงความภาคภูมิใจในการเปิดโครงการนี้ โดยเน้นว่าเป็นการแสดงถึงความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างหน่วยงานภายใต้กำกับของ อว. กับองค์การนาซา ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยในที่สุด

ปัญหามลพิษทางอากาศในไทยถือเป็นหนึ่งในความท้าทายสำคัญที่ต้องเผชิญ โดยการบินในน่านฟ้าไทยไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อความมั่นคงของประเทศด้วย หน่วยงานความมั่นคงได้ให้การสนับสนุน ซึ่งจะนำไปสู่การได้มาซึ่งข้อมูลที่จำเป็นและการวิจัยเชิงลึกเพื่อค้นหาต้นตอของปัญหา สิ่งนี้จะช่วยให้สามารถบรรเทาปัญหามลพิษทางอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อประเทศในระยะยาว

เครื่องบินสองลำที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการนี้ ได้แก่ DC-8 ซึ่งจะบินเหนือเป็นแนวตั้งจากสนามบินอู่ตะเภาไปยังเชียงใหม่ และกลับมายังอู่ตะเภา โดยมีเวลาในการบินประมาณ 8 ชั่วโมงต่อครั้ง เพื่อตรวจสอบสารพิษและฝุ่นละออง ในขณะที่เครื่องบิน G-III จะบินในแนวนอนจากสนามบินอู่ตะเภาไปกลับในระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร

นอกจากการเก็บข้อมูลทางอากาศในระดับความสูงไม่เกิน 28,000 ฟุตแล้ว ยังมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับดาวเทียม GEMS (Geostationary Environment Monitoring Spectrometer) ซึ่งติดตั้งบนดาวเทียม KOMPSAT-2B ของเกาหลีใต้ ดาวเทียมนี้มีหน้าที่บันทึกข้อมูลคุณภาพอากาศในเอเชีย รวมถึงไทย โดยมีการบันทึกข้อมูลในช่วงเวลากลางวันประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวัน

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -
ติดตั้ง เดลิเวอรี่ แอป ได้แล้ววันนี้

Most Popular

Recent Comments