ยุโรปเผชิญกับวิกฤติโรคหัด ผู้ป่วยพุ่งสูงสุดในรอบหลายปี (WHO) เตือน ห้ามนิ่งนอนใจ!

ยุโรปเผชิญกับวิกฤติโรคหัด ผู้ป่วยพุ่งสูงสุดในรอบหลายปี สร้างความกังวลให้กับองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ออกมาเตือนว่า ปี 2566 นี้ ยุโรปอาจเผชิญกับผู้ป่วยโรคหัดเพิ่มสูงขึ้นถึง 45 เท่า จากปี 2565

ในขณะที่ ยุโรปเผชิญกับวิกฤติโรคหัด ที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี การระบาดของโรคนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ จากการรายงานของ ข่าวโรคระบาด องค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี 2566 ที่ผ่านมา นับเป็นจำนวน ผู้ป่วยพุ่งสูงสุดในรอบหลายปี โดยเฉลี่ยแล้วสูงขึ้นเกือบ 45 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยมีผู้ติดเชื้อจาก 941 ราย เพิ่มขึ้นเป็น 42,200 ราย สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของโรค

การระบาดครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่การรับวัคซีนป้องกันโรคหัดในหมู่เด็กๆ ลดลงอย่างมากในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ดร.ฮานส์ คลูจ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคยุโรป ได้เน้นย้ำถึงความรุนแรงของสถานการณ์ โดยระบุว่า ไม่เพียงแต่จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นกว่า 30 เท่าเท่านั้น แต่ยังมีผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเกือบ 21,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัดอีก 5 ราย ดร.คลูจยังได้เน้นว่า วัคซีนเป็นวิธีเดียวที่สามารถปกป้องเด็กๆ จากโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในสหราชอาณาจักร หน่วยงานสาธารณสุขได้เตือนถึงการระบาดของโรคหัดที่กำลังเกิดขึ้นในเขตเวสต์ มิดแลนด์ส ซึ่งอาจแพร่กระจายไปยังเมืองอื่นๆ ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันต่ำอย่างรวดเร็ว สถานการณ์นี้เป็นเตือนใจว่า การฉีดวัคซีนเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการระบาดของโรคติดต่อ และเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน

ข้อมูลจากสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ (NHS England) เปิดเผยว่ามีเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีมากกว่า 3.4 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน MMR ซึ่งป้องกันโรคหัด, คางทูม และหัดเยอรมัน สถานการณ์นี้ส่งผลให้เด็กๆ เหล่านี้มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโรคหัดที่อาจนำไปสู่อาการป่วยรุนแรง

ทางการอังกฤษได้ดำเนินการติดต่อและเรียกร้องให้พ่อแม่และผู้ดูแลเด็กนับล้านคนให้นัดหมายพาเด็กๆ เข้ารับวัคซีน MMR ที่จำเป็นต้องได้รับ 2 โดส โดยเข็มแรกควรได้รับเมื่ออายุประมาณ 1 ขวบ และเข็มที่สองเมื่ออายุประมาณ 3 ปี 4 เดือน เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

แม้ว่าวัคซีน MMR จะมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรคหัด แต่ขณะนี้มีเพียง 85% ของเด็กวัยประถมในสหราชอาณาจักรเท่านั้นที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดส สถานการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือนถึงความจำเป็นในการเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมมากขึ้น

โรคหัดเป็นโรคที่สามารถทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงในคนทุกวัย โดยอาการเริ่มต้นมักจะเป็นไข้สูงตามด้วยผื่นคัน และโดยปกติจะหายไปเองภายใน 10 วัน อย่างไรก็ตาม อาจมีอาการแทรกซ้อนรุนแรงเช่นปอดบวม, เยื่อหุ้มสมองอักเสบ, สูญเสียการมองเห็น หรืออาการชัก

กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดคือเด็กทารกที่ยังไม่ถึงวัยที่จะได้รับวัคซีน และสตรีมีครรภ์ที่ภูมิคุ้มกันลดลง การติดเชื้อโรคหัดในระหว่างตั้งครรภ์อาจนำไปสู่ผลกระทบร้ายแรง เช่น การเสียชีวิตในครรภ์, การแท้ง หรือทำให้เด็กที่เกิดมามีน้ำหนักน้อยผิดปกติ

การรับรู้ถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนและการดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนในเด็กๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของการระบาดของโรคหัดและปกป้องสุขภาพของเด็กๆ ในอนาคตได้