กรุงเทพฯ เช้านี้ยังสดชื่น ฝุ่น PM 2.5 ไม่เกินมาตรฐาน แต่เตรียมรับมือกับฝุ่นที่อาจเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 2-8 เมษายนนี้!
เช้านี้อากาศใน กรุงเทพฯ กลับมาไม่สดใสอีกครั้ง เมื่อศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานผลการตรวจวัด PM 2.5 ช่วงเช้าวันที่ 3 เมษายน 2567 พบว่าค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งสูงถึง 34.7 มคก./ลบ.ม. ในบางพื้นที่
โดยจากข้อมูลการตรวจวัดระหว่างเวลา 05.00 น. ถึง 07.00 น. พบว่าค่า PM 2.5 อยู่ในช่วง 18.3 – 34.7 มคก./ลบ.ม. ค่าเฉลี่ยของทั้งกรุงเทพมหานครอยู่ที่ 26.4 มคก./ลบ.ม. ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากวันก่อน
เช้านี้ (3 เมษายน 2567) เวลา 07.00 น. ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ได้ อยู่ในช่วง 18.3 – 34.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่า อยู่ในระดับปานกลาง โดยมีแนวโน้ม ลดลง เมื่อเทียบกับเมื่อวานในช่วงเวลาเดียวกัน ข่าวดี คือ ค่าฝุ่น PM 2.5 ไม่เกินมาตรฐาน ในทุกพื้นที่ที่มีการตรวจวัด (มาตรฐานกำหนดไว้ไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม.)
ตามการวิเคราะห์ล่าสุดจาก ข่าวสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับสภาพอากาศและผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ พบว่าในช่วงวันที่ 3 ถึง 11 เมษายน 2567 การไหลเวียนของอากาศจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี ซึ่งจะช่วยในการกระจายฝุ่น PM 2.5 ให้กระจายตัวได้ดีขึ้น. สภาพอากาศในชั้นบรรยากาศใกล้พื้นดินจะมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างเปิดและปิด ทำให้ระดับความเข้มข้นของฝุ่นละอองคงที่. นอกจากนี้ คาดว่าอากาศจะร้อนทั่วไปในวันนี้ โดยจะมีฟ้าหลัวในช่วงกลางวันและอาจมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่
การตรวจพบจุดความร้อนผิดปกติในกรุงเทพฯ โดย NASA เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 สะท้อนถึงความสำคัญของการติดตามและการตอบสนองต่อเหตุการณ์ไฟป่าหรือเหตุการณ์ที่อาจนำไปสู่ภัยพิบัติ ด้วยการใช้เทคโนโลยีดาวเทียม สามารถตรวจจับจุดความร้อนได้ทั้งหมด 10 จุด ซึ่งเป็นสัญญาณของการเผาไหม้หรือความร้อนที่ผิดปกติ โดยมีการกระจายตัวอย่างหนาแน่นในเขตหนองจอก 7 จุด และเขตมีนบุรี 3 จุด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟป่า
การเกิดจุดความร้อนเหล่านี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การเผาที่ดินเพื่อการเกษตร การทิ้งขยะที่ไม่ถูกต้อง หรือแม้กระทั่งการลักลอบเผาป่า การตรวจจับเหล่านี้ช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถระดมทรัพยากรและตอบสนองอย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
ตัวอย่างเช่น จุดความร้อนที่ 1 และ 2 ที่ตรวจพบในเวลา 13.10 น. ในแขวงหนองจอกและคลองสิบ อาจบ่งบอกถึงการเผาที่ดินในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ในขณะที่จุดที่ 8, 9 และ 10 ในเขตมีนบุรีที่ตรวจพบในเวลาเดียวกันและต่อมาในเวลา 14.03 น. อาจเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่แตกต่างกันหรือเป็นการกระจายตัวของเหตุการณ์เดียวกัน
ด้วยการตอบสนองที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทุกจุดความร้อนได้รับการควบคุมและสงบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากความพยายามของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและการใช้เทคโนโลยีในการตรวจจับและตอบสนองต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
ในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ กรุงเทพมหานครได้เผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศที่รุนแรงขึ้น โดยมีการบันทึกค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่ทำให้คุณภาพอากาศแย่ลง แม้ว่าจะมีการระบายอากาศที่ดีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะควบคุมปริมาณฝุ่นให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย
ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพอากาศ
- การเปลี่ยนแปลงทิศทางลม: จากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา ทิศทางลมที่เปลี่ยนไปเป็นทิศตะวันตก ซึ่งต่างจากทิศทางลมปกติที่มาจากอ่าวไทย ทำให้ลมที่พัดผ่านกรุงเทพมหานครมีคุณภาพต่ำกว่าปกติ
- การตรวจจับจุดร้อน: ดาวเทียม Suomi NPP ระบบ VIIRS ได้ตรวจพบจุดร้อนจำนวนมากในพื้นที่ฝั่งตะวันตก ทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งส่งผลให้มีการปล่อยมลพิษทางอากาศเพิ่มขึ้น
- การลดลงของอัตราการระบายอากาศ: ในช่วงวันที่ 9-10 เมษายน อัตราการระบายอากาศจะลดลง ทำให้คุณภาพอากาศอาจแย่ลงไปอีก แต่คาดว่าทิศทางลมจะกลับมาเป็นจากอ่าวไทยหลังจากนั้น
คำแนะนำสำหรับประชาชน
- เกณฑ์สีเหลือง (25-37.5 มคก.ลบ.ม.): ประชาชนในกลุ่มเสี่ยงควรใช้หน้ากากป้องกัน PM 2.5 เมื่อออกนอกอาคาร
- เกณฑ์สีส้ม (37.6-75 มคก.ลบ.ม.): ประชาชนทั่วไปและกลุ่มเสี่ยงควรใช้หน้ากากป้องกัน PM 2.5 และจำกัดการทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก
หากประชาชนมีอาการทางสุขภาพผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก หรือระคายเคืองตา ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อรับการตรวจและรักษาอย่างเหมาะสม