เวนิส เมืองโรแมนติกอันเลื่องชื่อของอิตาลี เผชิญปัญหาการท่องเที่ยวล้นเมือง ส่งผลต่อวิถีชีวิตของชาวท้องถิ่นและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ล่าสุด ทางการเวนิสตัดสินใจทดลองเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ จำนวน 5 ยูโร (ประมาณ 180 บาท) ในโครงการ “เที่ยวเวนิสต้องจ่าย”
เวนิส เมืองแห่งคลองอันเลื่องชื่อของอิตาลี เผชิญปัญหาการท่องเที่ยวล้นเมืองมานาน นักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้าชมความงามของเมืองในแต่ละวัน ส่งผลต่อทั้งสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และคุณภาพชีวิตของชาวเมือง
เวนิสทดสอบระบบเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยว: เที่ยวเวนิสต้องจ่าย
ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 เมืองเวนิสได้เริ่มทดสอบระบบเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวเป็นเวลา 29 วัน ระบบนี้มุ่งหวังเพื่อควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวที่ล้นหลามในเมือง ป้ายเตือนสีแดงสดใสถูกติดตั้งไว้ทั่วบริเวณนอกสถานีรถไฟหลักและจุดเข้าเมืองอื่นๆ แจ้งให้ผู้มาเยือนทราบถึงกฎระเบียบใหม่
เจ้าหน้าที่ประมาณ 200 คนได้รับการจัดวางไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับระบบใหม่นี้ นักท่องเที่ยวสามารถชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบออนไลน์หรือดาวน์โหลด QR code สำหรับผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน มีการตั้งซุ้มช่วยเหลือให้บริการ
เมื่อนักท่องเที่ยวเข้าสู่เขตที่กำหนด เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบ QR code ของพวกเขาแบบสุ่ม เพื่อยืนยันการชำระค่าธรรมเนียมหรือสิทธิ์การยกเว้น ผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับตั้งแต่ 50 ยูโรถึง 300 ยูโร ระบบนี้ใช้กับผู้มาเยือนที่เดินทางเข้าเมืองระหว่างเวลา 08.30 น. ถึง 16.00 น. เท่านั้น
เวนิสเผชิญปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมืองมานานหลายปี ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เคยมีก่อนการระบาดของ COVID-19 อยู่ที่ประมาณ 25 ถึง 30 ล้านคนต่อปี รวมถึงผู้มาเยือนแบบไปเช้าเย็นกลับ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าตัวเลขเหล่านี้ไม่น่าเชื่อถือ โครงการนำร่องนี้จึงมีเป้าหมายเพื่อเก็บข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยวที่แม่นยำยิ่งขึ้น เพื่อการจัดการที่มีประสิทธิภาพ
เวนิส เมืองแห่งความงดงามและวิกฤตการท่องเที่ยว
เวนิส เมืองแห่งคลองอันเลื่องชื่อ กำลังเผชิญกับวิกฤตการท่องเที่ยวที่รุนแรง สถิติอย่างเป็นทางการจากทางการเมืองเวนิสเผยให้เห็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่พักค้างคืนในปีที่ผ่านมาลดลงถึง 16% เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบเชิงลบจากการท่องเที่ยวแบบมวลชนที่มีต่อเมืองโบราณแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม “เที่ยวเวนิสต้องจ่าย” ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนบางส่วนที่มองว่าระบบจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่รัฐบาลเวนิสกำลังดำเนินการอยู่นั้นอาจไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งปัญหาการท่องเที่ยวแบบมวลชน พวกเขาเห็นว่าทางการควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มจำนวนประชากรผู้อยู่อาศัยในเมืองและการพัฒนาบริการสาธารณะที่ตอบสนองต่อความต้องการของชาวเวนิสมากกว่า
“ที่นี่ไม่ใช่สวนสนุก ไม่ใช่พิพิธภัณฑ์ ไม่ใช่เมืองปอมเปอี” ชาวเวนิสคนหนึ่งที่เข้าร่วมการประท้วงกล่าว “นี่คือบ้านของเรา เราต้องต่อสู้เพื่อให้เรามีบ้านที่สามารถอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว และเราต้องเปิดร้านค้าท้องถิ่นให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง”
สถานการณ์ที่น่ากังวลยิ่งขึ้นคือ เมื่อปีที่แล้ว จำนวนเตียงในโรงแรมของเวนิสมีจำนวนมากกว่าประชากรของเมืองเป็นครั้งแรก ปัจจุบันจำนวนประชากรในย่านเมืองโบราณที่เต็มไปด้วยคลองอันงดงามนี้มีจำนวนน้อยกว่า 50,000 คน สถิติเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบเชิงลบของการท่องเที่ยวแบบมวลชนต่อวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวเวนิส
เที่ยวเวนิสต้องจ่าย! เปิดตัวระบบคิวอาร์โค้ดควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยว คาดผู้ใช้ทะลุ 10,000 ราย
เวนิส เมืองโรแมนติกริมคลองชื่อดัง ประกาศใช้ระบบคิวอาร์โค้ดควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาแบบไปเช้าเย็นกลับเป็นครั้งแรก ผลลัพธ์เบื้องต้นพบว่า มีนักท่องเที่ยวกว่า 6,000 รายดาวน์โหลดคิวอาร์โค้ดเพื่อเข้าชมเมืองเมื่อวานนี้ (25 เมษายน) และคาดว่าตัวเลขจะพุ่งสูงถึง 10,000 ราย
ระบบคิวอาร์โค้ด นี้เปิดให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวก่อนหน้านี้ โดยมีผู้ดาวน์โหลดไปแล้วกว่า 70,000 ราย รวมถึงผู้ที่ทำงานในเวนิส ผู้อยู่อาศัยในภูมิภาคเวเนโต และนักท่องเที่ยวที่พักในโรงแรมภายในเมืองเวนิสและเขตแผ่นดินใหญ่ เช่น มาร์เกรา หรือเมสเทร
วิธีการใช้งาน นักท่องเที่ยวจะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น “Venezia Unica City Pass” ลงบนสมาร์ทโฟน จากนั้น กรอกข้อมูลส่วนตัวและเลือกวันที่ต้องการเข้าชมเมือง ระบบจะสร้างคิวอาร์โค้ดเฉพาะบุคคล นักท่องเที่ยวต้องแสดงคิวอาร์โค้ดนี้แก่เจ้าหน้าที่ที่ประตูทางเข้าเมือง
เจ้าหน้าที่เวนิส เผยว่า โครงการนำร่องนี้ได้รับความสนใจจากเมืองอื่นๆ ที่เผชิญปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง เช่น เมืองต่างๆ ในอิตาลี บาร์เซโลนา และอัมสเตอร์ดัม
ติดตาม ข่าวท่องเที่ยว ได้ที่นี่