โควิด JN.1 สัญญาณเตือนภัยโรคระบาดยุคใหม่ เชื้อกลายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน กำลังกลายเป็นดาวร้ายตัวใหม่บนเวทีโรคระบาด ขณะนี้มันกำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในหลายประเทศทั่วโลก รวมไปถึงประเทศไทย สัญญาณเตือนภัยเริ่มดังขึ้น บ่งบอกถึงความเป็นไปได้ที่ JN.1 อาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ครองพื้นที่แทนที่โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยอื่นๆ ในเร็วๆ นี้
อะไรคือสิ่งที่ทำให้ JN.1 น่ากลัว?
- ความสามารถในการแพร่ระบาดที่รวดเร็ว: JN.1 มีกลไกการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น ผ่านการกลายพันธุ์บริเวณส่วนหนามของไวรัส ทำให้สามารถจับกับเซลล์ในร่างกายมนุษย์ได้ง่ายขึ้น ผลลัพธ์คือ การแพร่กระจายของเชื้อที่รวดเร็วยิ่งกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า
- ความท้าทายต่อระบบภูมิคุ้มกัน: การกลายพันธุ์ของ JN.1 ส่งผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนและภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติจากการติดเชื้อ ผู้ที่เคยฉีดวัคซีนครบโดสหรือเคยติดเชื้อโควิดมาก่อน มีโอกาสติดเชื้อ JN.1 ได้ง่ายขึ้น
- ศักยภาพในการก่อโรครุนแรง: ข้อมูลเกี่ยวกับความรุนแรงของ JN.1 ยังมีจำกัด แต่จากการศึกษาเบื้องต้น พบว่า JN.1 ยังคงมีความรุนแรงใกล้เคียงกับสายพันธุ์โอมิครอน
ประเทศไทยเตรียมพร้อมรับมือ JN.1 หรือยัง?
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมมือกับห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยา กำลังติดตามการกลายพันธุ์ของ JN.1 ในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด ข่าวโรคระบาด ข้อมูลล่าสุดเผยให้เห็นสัญญาณการกลายพันธุ์ที่เพิ่มมากขึ้น บ่งบอกถึงความเป็นไปได้ที่ JN.1 จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในอนาคต
JN.1 สัญญาณเตือนภัยโรคระบาดยุคใหม่ ที่ไม่ควรมองข้าม
แม้จะยังไม่พบการกลายพันธุ์ใหม่ในไทย แต่ “โควิด JN.1” สายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน ยังคงเป็นภัยคุกคามที่ไม่ควรมองข้าม ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เตือนให้ประชาชนทุกคนตั้งการ์ดป้องกันอย่างเข้มงวด จากการถอดรหัสพันธุกรรม พบว่าโควิด JN.1 เปรียบเสมือน “ซุปโอมิครอน” ที่ประกอบไปด้วยสายพันธุ์ย่อยมากมาย เช่น JN.1.4, JN.1.2, JN.1.6.1, JN.1.11, JN.6, JN.7, JN.8 และอื่นๆ ซึ่งสายพันธุ์ JN.1 เองก็เป็นหนึ่งในหลายสายพันธุ์ย่อยที่พบในซุปนี้
JN.1 เป็นเพียงหนึ่งในหลายสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน สิ่งสำคัญคือเราต้องไม่ประมาทและป้องกันตัวเองอย่างจริงจัง การ์ดอย่าตก หมั่นล้างมือ กินร้อน ช้อนกลาง และฉีดวัคซีนให้ครบโดส จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ได้
ปี 2567 โลกกำลังเผชิญกับยุคใหม่ของโควิด-19 ยุคแห่งสายพันธุ์ JN เชื้อโควิดสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน ที่พัฒนาตนเองเพื่อเอาชีวิตรอด มีทั้ง JN.1, JN.2, JN.3, JN.4 และอีกมากมาย แต่ละสายพันธุ์ต่างมีกลไกหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน แพร่กระจายเชื้อได้รวดเร็ว แม้จะไม่รุนแรงเท่าโอมิครอนดั้งเดิม แต่ก็สร้างความกังวลให้กับผู้คนทั่วโลก องค์การอนามัยโลก (WHO) เตรียมตั้งชื่อรหัสกรีก “Pi” ไว้สำหรับสายพันธุ์ JN เผื่อกรณีมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งชื่อเล่นให้กับสายพันธุ์เหล่านี้เพื่อใช้งานทั่วไป รอติดตามว่าหากสถานการณ์เลวร้ายลง ผู้คนเสียชีวิตมากขึ้น ชื่อ “Pi” อาจถูกนำมาใช้แทน
ณ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ร่วมกับห้องปฏิบัติการไวรัสวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี ทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น กำลังทุ่มเทให้กับภารกิจสำคัญ นั่นคือการถอดรหัสพันธุกรรมโควิด หรือที่เรียกกันว่า “JN.1” สัญญาณเตือนภัยโรคระบาดยุคใหม่ เปรียบเสมือนปฏิบัติการลับเพื่อไขปริศนาไวรัสร้าย ตัวอย่างจากห้องปฏิบัติการทั่วประเทศ ทยอยส่งมาถึงที่นี่ เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่จะไขประตูสู่ความลับของโควิด แต่ละตัวอย่างถูกตรวจสอบอย่างละเอียดด้วยเทคนิค PCR ว่ามีเชื้อไวรัสหรือไม่ จากนั้นสารพันธุกรรมจะถูกสกัดออกมา เพื่อนำไปถอดรหัสลับที่ซ่อนอยู่ภายใน กระบวนการถอดรหัสเปรียบเสมือนการอ่านลายนิ้วมือของไวรัส ข้อมูลที่ได้จะบอกเราถึงสายพันธุ์ กลไกการกลายพันธุ์ และความรุนแรงของเชื้อ เปรียบเสมือนแผนที่นำทางที่ช่วยให้เราเข้าใจศัตรูตัวร้ายนี้มากขึ้น
น้ำเน่าสัญญาณเตือนภัยเงียบ บ่งบอกความเสี่ยงโรคระบาด
ปริมาณไวรัสในน้ำเน่าที่เพิ่มสูงขึ้น เปรียบเสมือนสัญญาณเตือนภัยเงียบ บ่งบอกถึงความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉลี่ยแล้ว 2-3 สัปดาห์หลังจากพบไวรัสในน้ำเน่าจำนวนมาก มักพบผู้ติดเชื้อในมนุษย์เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาลพุ่งสูงตามไปด้วย การตรวจวัดปริมาณไวรัสในน้ำเน่า เป็นเครื่องมือสำคัญในการเฝ้าระวังและคาดการณ์การระบาดของโรค ช่วยให้นักระบาดวิทยาสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ วางแผน และเตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“การตรวจหาเชื้อในน้ำเน่ามีข้อดี คือ สะดวก รวดเร็ว และไม่ต้องสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง แต่ข้อเสียคือ ผลตรวจอาจไม่แม่นยำเท่าการตรวจจากตัวอย่างของผู้ป่วยโดยตรง น้ำยาที่ใช้ในชุดตรวจ ATK มีฤทธิ์ทำลายสารพันธุกรรมของไวรัส ดังนั้นจึงไม่สามารถนำมาตรวจหาเชื้อในน้ำเน่าได้ ทางศูนย์จีโนมจึงใช้วิธีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จากตัวอย่าง PCR ที่เก็บจากโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน โดยทำการถอดรหัสพันธุกรรมของไวรัสทุกเดือน
จากข้อมูลการถอดรหัสพันธุกรรม พบว่าประเทศไทยยังโชคดีที่ยังไม่มีการระบาดของสายพันธุ์โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ JN.1 มากนัก ซึ่งต่างจากทั่วโลกที่มีการระบาดของสายพันธุ์นี้กว่า 60% แล้ว อย่างไรก็ตาม การเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของไวรัสเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การตรวจหาเชื้อในน้ำเน่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเฝ้าระวังการระบาดของโรคโควิด-19 ภาครัฐควรให้ความสำคัญและสนับสนุนงานวิจัยในด้านนี้ต่อไป”
โควิดสายพันธุ์ JN.1 สัญญาณเตือนภัยโรคระบาดยุคใหม่ กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในขณะนี้ หลายคนกังวลว่าสายพันธุ์ใหม่นี้จะส่งผลต่อชีวิตของเราอย่างไร บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยเกี่ยวกับ JN.1 พร้อมให้คำแนะนำในการป้องกันตัวเอง จากข้อมูลล่าสุด พบว่า JN.1 มีอายุขัยประมาณ 1 เดือน ซึ่งสั้นกว่าสายพันธุ์โอมิครอนดั้งเดิมเล็กน้อย หมายความว่า ผู้ติดเชื้อ JN.1 จะมีระยะเวลาแพร่เชื้อสั้นกว่า มีความเป็นไปได้ว่าไทยอาจข้าม JN.1 ไปเลย และเผชิญกับสายพันธุ์อื่นที่กลายพันธุ์แทน เช่น JN.2 หรือ JN.3 สาเหตุเพราะไวรัสโควิดมีวิวัฒนาการอยู่เสมอ
แม้ JN.1 จะมีอายุขัยสั้นกว่าโอมิครอนดั้งเดิม แต่ก็ยังมีความร้ายแรงไม่แพ้กัน JN.1 มีการกลายพันธุ์ที่บริเวณส่วนหนาม 2 ตำแหน่ง ช่วยให้เกาะผิวเซลล์และหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันของมนุษย์ได้ง่ายขึ้น เช่นเดียวกับมนุษย์ที่พัฒนาวัคซีน ไวรัสโควิดก็พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ JN.1 กลายพันธุ์จาก BA.2.86 มาเป็น JN.1 และพัฒนาต่อเป็น JN.2, JN.3 และสายพันธุ์อื่นๆ อีกมากมาย
Disease X ระเบิดเวลาโรคระบาดปริศนา
หนึ่งในภัยคุกคามที่น่ากังวลที่สุดคือ “Disease X” โรคติดต่อไม่ทราบสาเหตุที่ถูกคาดการณ์โดยสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ว่ามีโอกาสสูงที่จะเกิดการระบาดในอีก 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า โรคปริศนานี้เปรียบเสมือนระเบิดเวลาที่รอการปะทุ สร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้คนทั่วโลก ปัจจัยหลายประการทวีความรุนแรงของภัยคุกคามจากโรคระบาด ภาวะโลกร้อนส่งผลต่อระบบนิเวศน์ เพิ่มโอกาสการแพร่ระบาดของพาหะนำโรค สังคมเมืองที่หนาแน่น ผู้คนอยู่รวมกันในพื้นที่จำกัด ล้วนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้โรคระบาดลุกลามได้รวดเร็วและยากต่อการควบคุม
การระบาดใหญ่ของ COVID-19 สอนบทเรียนสำคัญให้กับเรา ประเทศต่างๆ ทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบการป้องกันโรค ศูนย์จีโนมประเทศไทย เล็งเห็นถึงความสำคัญในการเตรียมพร้อมรับมือกับโรคระบาดใหม่ มุ่งพัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยีสำหรับการตรวจสอบและถอดรหัสพันธุกรรม เพื่อระบุชนิดของเชื้อโรคได้อย่างรวดเร็ว เป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมการระบาด
องค์การอนามัยโลก (WHO) เร่งพัฒนาวัคซีน หลังจากมี สัญญาณเตือนภัยโรคระบาดยุคใหม่ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคระบาด ประเทศไทยกำลังเดินไปบนเส้นทางที่ถูกต้อง มุ่งพัฒนาวัคซีนที่มีความหลากหลาย รองรับต่อภัยคุกคามจากโรคระบาดรูปแบบใหม่ สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง อนาคตของมนุษยชาติเต็มไปด้วยความท้าทาย ภัยคุกคามจากโรคระบาดใหม่ JN.1 เป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญ การเรียนรู้จากประสบการณ์ พัฒนาเทคโนโลยี และสร้างความร่วมมือ จะเป็นกุญแจสำคัญนำพาเราผ่านพ้นวิกฤต และสร้างอนาคตที่ปลอดภัยสำหรับคนรุ่นต่อไป