ยูนิเซฟ เปิดผลวิจัยอาหารเด็กเล็กในไทย และอีก 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีปริมาณน้ำตาลและเกลือสูง ชี้ร้อยละ 72 อาหารทานเล่น ของขบเคี้ยว ที่เน้นขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี น่าห่วงที่สุด ขณะรัฐบาลของประเทศต่างๆ ยังไม่มีแนวทางในการควบคุม
จากผลศึกษา ข่าวอาหาร ที่สนับสนุนโดยยูนิเซฟและพันธมิตร Consortium for Improving Complementary Foods in Southeast Asia (COMMIT) เปิดเผยผลวิจัยที่น่าตกใจว่า อาหารสำเร็จรูปที่มุ่งทำการตลาดกับเด็กอายุระหว่าง 6 เดือนถึง 3 ปีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น มีปริมาณน้ำตาลและเกลือสูง และติดฉลากที่อาจสร้างความเข้าใจผิดและหลอกลวง ทั้งยังขาดระเบียบข้อบังคับเข้มงวดในขั้นตอนการผลิตและจำหน่าย
โดยการศึกษาชิ้นนี้ ทำการประเมินอาหารสำเร็จรูปสำหรับเด็กมากกว่า 1,600 ชนิด เช่น อาหารเสริมจากธัญพืชสำหรับทารก อาหารบดในรูปแบบขวดและซอง ของขบเคี้ยว และอาหารพร้อมรับประทานที่มุ่งเป้าไปยังเด็กเล็กใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
การศึกษาพบว่า เกือบครึ่งหนึ่ง หรือร้อยละ 44 ของอาหารสำเร็จรูปมีการเติมน้ำตาล และสารให้ความหวาน และอัตรานี้สูงถึงร้อยละ 72 ในกลุ่มของขบเคี้ยวและอาหารทานเล่น ขณะที่กว่า 1 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์มีปริมาณโซเดียมสูงกว่าที่แนะนำ นอกจากนี้ เกือบร้อยละ 90 ของอาหารเหล่านี้ติดฉลากที่อาจสร้างความเข้าใจผิด หรือหลอกลวงเกี่ยวกับส่วนประกอบผลิตภัณฑ์
เดอเบอรา โคมินี่ ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าวว่า มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพที่เน้นขายให้กับเด็กเล็กมากเกินไป อีกทั้งยังติดฉลากที่อาจหลอกลวง หรือสร้างความเข้าใจผิดให้กับพ่อแม่
ปัจจุบัน เด็กเล็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บริโภคผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำเร็จรูปเป็นประจำ โดยร้อยละ 79 ของแม่ที่อาศัยอยู่ในเมืองให้ลูกกินอาหารเหล่านี้ทุกวัน และยอดขายของอาหารเหล่านี้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 45 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ส่วนข้อบังคับ การศึกษาระบุว่าทั้ง 7 ประเทศไม่มีนโยบายควบคุมส่วนประกอบและการติดฉลากอาหารดังกล่าวตามคำแนะนำสากล หลายประเทศไม่มีมาตรการทางกฎหมายในการควบคุมปริมาณน้ำตาลและเกลือ ขณะที่บางประเทศมีการควบคุมปริมาณน้ำตาล เกลือในอาหารบางหมวดหมู่เท่านั้น
เช่น อาหารเสริมจากธัญพืชหรือของขบเคี้ยว แต่ปริมาณสูงสุดที่กำหนดก็ยังสูงกว่ามาตรฐานสากล ทั้งนี้ การบริโภคน้ำตาลตั้งแต่ยังเด็กอาจทำให้เกิดฟันผุ น้ำหนักเพิ่ม และนิสัยการกินที่ไม่ดี ในขณะที่การบริโภคโซเดียมในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง
นอกจากนี้ ยังพบการกล่าวอ้างบนฉลากผลิตภัณฑ์อย่างแพร่หลาย โดยร้อยละ 90 มีการระบุส่วนประกอบและปริมาณสารอาหาร มักพบข้อความ เช่น “จากธรรมชาติทั้งหมด” “แหล่งวิตามินที่ดี” และ “ไม่มีส่วนผสมสังเคราะห์” ในผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณน้ำตาล เกลือ และไขมันสูง นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในประเทศกัมพูชา ฟิลิปปินส์ และลาวส่วนใหญ่มีแต่ฉลากภาษาอังกฤษเท่านั้น ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อพ่อแม่ในการเลือกซื้ออาหารที่เหมาะสมสำหรับลูก
“รัฐบาลของประเทศต่างๆ และผู้ผลิตอาหารต้องร่วมกันหันมาปกป้องสุขภาพของเด็กเล็ก เพราะโภชนาการที่ดีในขวบปีแรกจะช่วยให้เด็กเติบโตอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างครอบครัวให้แข็งแกร่ง ส่งเสริมแรงงานที่มีประสิทธิภาพและเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง
ในทางกลับกัน โภชนาการที่แย่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเตี้ยแคระแกร็น การขาดสารอาหาร น้ำหนักเกิน โรคอ้วน และโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ซึ่งส่งผลรุนแรงต่อเด็กและครอบครัว และระบบสาธารณสุขและเศรษฐกิจในท้ายที่สุด”