เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2566 นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ไขมันทรานส์เกิดจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนในน้ำมันเพื่อเปลี่ยนสภาพน้ำมันให้เป็นไขมันที่มีสภาพกึ่งแข็งกึ่งเหลว เช่น เนยเทียม เนยขาว และทำให้มีคุณสมบัติ หืนช้า มีอายุการเก็บรักษานานขึ้น นิยมนำไปใช้ในกลุ่มขนมอบหรือ เบเกอรี่ ซึ่งปัจจุบันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พบว่าไขมันทรานส์เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทำให้ระดับโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี และไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจ
อย.จึงได้ดำเนินการกำจัดไขมันทรานส์อย่างจริงจังและต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2560 และได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 388 พ.ศ. 2560 พ.ศ. 2561 ลงวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เพื่อห้ามการผลิต นำเข้า หรือขายน้ำมัน หรืออาหารที่มีน้ำมันเติมไฮโดรเจนบางส่วน (ไขมันทรานส์) เป็นส่วนประกอบ และมีผลตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2562 เป็นต้นไป ควบคุมจากสถานที่ผลิต นำเข้าน้ำมันหรือไขมันที่ปราศจากไขมันทรานส์ ข่าวอาหาร
และตรวจสอบและวิเคราะห์อาหารที่อาจใช้น้ำมันหรือไขมันทรานส์ ณ สถานที่ขายอย่างเคร่งครัดโดยอาหารที่เก็บไว้ เป็นกลุ่มอาหารเบเกอรี่ มาการีน และครีมเทียม เพื่อติดตามการไม่มีวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์อาหารที่มีไขมันทรานส์ นอกจากนี้สำหรับผู้บริโภค อย. ยังส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับไขมันทรานส์อย่างต่อเนื่อง ทุกช่องทาง และเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 องค์การอนามัยโลกได้ออกใบรับรองรับรองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่กำจัดไขมันทรานส์ออกจากอุตสาหกรรมอาหารเป็น 1 ใน 5 ประเทศแรก ได้แก่
- ไทย
- เดนมาร์ก
- ลิทัวเนีย
- ซาอุดิอาระเบีย
- โปแลนด์
ที่ได้รับประกาศนียบัตรดังกล่าวจากการสมัครเข้าร่วมโครงการรับรองการกำจัดไขมันทรานส์ขององค์การอนามัยโลก ทั้งนี้ ในการประเมินการกำจัดไขมันทรานส์ องค์การอนามัยโลกได้ตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินมาตรการกำกับดูแล และบังคับใช้กฎหมายในการกำจัดไขมันทรานส์ของไทย และให้การยอมรับว่าประเทศไทยเป็นผู้นำในการกำจัดไขมันทรานส์จากอุตสาหกรรมอาหารอย่างจริงจัง
นายแพทย์ณรงค์ กล่าวต่อว่า การกำจัดไขมันทรานส์ออกจากอุตสาหกรรมอาหาร จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจได้ และการดำเนินกิจการที่ผ่านมา จึงถือได้ว่าประเทศไทยได้รับการยอมรับในระดับสากลในการขจัดไขมันทรานส์ออกจากอุตสาหกรรมอาหารอย่างเข้มงวด และต่อเนื่องตลอดระยะเวลานี้ อย. ยังคงมุ่งมั่นและดำเนินการเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยอย่างต่อเนื่อง