สภาฯ ท่องเที่ยว เชียงใหม่ ออกมาชี้แจงสถานการณ์ PM2.5 ในเชียงใหม่ ว่า ยังไม่รุนแรงถึงขั้นประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ แต่ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขเพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศ เน้นไปที่ การไม่กระทบต่อการท่องเที่ยว
ในขณะที่เมือง เชียงใหม่ ยังคงเผชิญกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เกินมาตรฐาน ประธาน สภาฯ ท่องเที่ยวของจังหวัดได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการประกาศเมืองนี้เป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉิน โดยเน้นย้ำว่าการตัดสินใจดังกล่าวอาจนำไปสู่ผลกระทบที่รุนแรงต่อทั้งสุขภาพของชาวเชียงใหม่และอุตสาหกรรม ท่องเที่ยว ที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง การหายไปของนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถคาดเดาได้ และอาจทำให้สถานการณ์ที่ยากลำบากอยู่แล้วยิ่งแย่ลง
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ข่าวท่องเที่ยว ล่าสุดได้รายงานว่า นายพัลลภ แซ่จิว ได้ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อแชร์ความเห็นของเขาเกี่ยวกับค่าฝุ่น PM 2.5 ที่สูงเกินมาตรฐานในเชียงใหม่ โดยเขาได้เรียกร้องให้มีการดำเนินการที่จะช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชุมชนและภาคธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของจังหวัด นายพัลลภ ยังได้เน้นว่าความเร่งด่วนในการจัดการกับปัญหานี้เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบที่จะตามมาในอนาคต
การเสนอให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่ฉุกเฉินหรือพื้นที่ประสบภัยพิบัตินั้นได้รับการคัดค้านอย่างมีเหตุผล โดยมีข้อกังวลว่ามาตรการดังกล่าวอาจนำไปสู่ผลกระทบที่เลวร้ายต่อทั้งสุขภาพของประชาชนและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของจังหวัด ความกังวลหลักมีดังนี้
- ปัญหาฝุ่นละออง: ฝุ่นละอองยังคงเป็นปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเต็มที่ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน การประกาศเขตภัยพิบัติอาจทำให้ความพยายามในการจัดการกับปัญหานี้ถูกมองข้าม
- ผลกระทบต่อการท่องเที่ยว: การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่สร้างรายได้และงานให้กับชาวเชียงใหม่ การประกาศเขตภัยพิบัติอาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหลีกเลี่ยงการเดินทางมายังจังหวัดนี้ ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น
ในช่วงครึ่งแรกของเดือนมีนาคม ปี 2567 จังหวัดเชียงใหม่ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากถึง 52,416 คน ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจในพื้นที่เติบโตอย่างมาก ด้วยรายได้ที่เข้ามากว่า 1,000 ล้านบาท การท่องเที่ยวเป็นหัวใจหลักของเชียงใหม่ โดยมีสายการบิน, โรงแรม, ร้านอาหาร, แหล่งท่องเที่ยว, ร้านค้าของที่ระลึก, รถรับจ้าง และมัคคุเทศก์ เป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนเมืองนี้
หากมีการปิดเมืองหรือประกาศภาวะฉุกเฉิน จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโดยรวม ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินที่ไม่มีการชำระ (NPL) ที่อาจกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งก็เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ ดังนั้น สภาฯ ท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ จึงขอเรียกร้องไม่ให้มีการปิดเมืองหรือประกาศเชียงใหม่เป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉิน เพื่อรักษาความเป็นมืออาชีพและความยั่งยืนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่สำคัญนี้