หลังเกิดเหตุสาวสองรวมตัวกันนับพันคน ศึกวิวาทกะเทยไทย กะเทยฟิลิปปินส์ ถูกรุมตบตีย่ำยีเกียรติ ข้างในซอกซอยสุขุมวิท 11/1 เพราะเหตุว่ามีสาวสองคนประเทศไทยถูก สาวสองชาวประเทศฟิลิปปินส์รุมทำร้าย 20 ต่อ 2 นั้น
เหตุสาวสองรวมตัวกันนับพันคน
ความยุติธรรม ผู้ใดไม่ถูกก็ว่าไปตามไม่ถูก
กลุ่มข่าวไปที่ สถานีตำรวจลุมพินี พบว่ามีกรุ๊ปสาวสองรวมตัวกันกว่า 100 คน อยู่ที่หน้าสถานีตำรวจ เพื่อติดตามความก้าวหน้าของคดี ภายหลังจากตำรวจได้เชื้อเชิญผู้เสียหายรวมทั้งผู้ที่มีการเกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพื่อจัดการทางคดี ข่าวฮอต
จากการซักถาม หนึ่งในเพื่อนพ้องของผู้เสียหาย เล่าว่า เรื่องราวพวกนี้เกิดมานานแล้วตั้งแต่สาวจำพวกสองชาวประเทศฟิลิปปินส์ รุ่นก่อนจนกระทั่งแบบใหม่ ที่ลักลอบเข้ามาดำเนินงานในไทยกระทบกระทั่งยึดพื้นที่หาเลี้ยงชีพ แบ่งเขตแบ่งที่กัน มีปัญหามาตลอด
หนึ่งในสหายของผู้เสียหาย เจาะจงอีกว่า “เมื่อคืนนี้ก่อนหน้านี้มีการท้าทายให้ตี และก็ยุให้มีการชกกัน รบกวนให้กระเทยไทยตีก่อน แต่ว่ากะเทยไทยไม่ทำอะไร จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ฝั่งกะเทยประเทศฟิลิปปินส์ เรียกพวกมาราว 20 คนประทุษร้าย มีการถ่ายวีดีโอคลิปแล้วก็ไลฟ์สดไปลงโซเชียลฯ ฝั่งประเทศฟิลิปปินส์ มีการเหยียดหยามเชื้อชาติ บูลลี่ในลักษณะประเทศฟิลิปปินส์ ชนะไทย กำเนิดเป็นไวรัลหนักมากมาย กำเนิดกระแสรวมกลุ่มของกะเทยจากกรุงเทพมหานคร และก็ทั่วราชอาณาจักร เนื่องจากเกิดเรื่องเกียรติยศความเป็นมนุษย์ และก็กรุ๊ป LGBTQ+ ของไทย”
ด้าน พันตำรวจเอก ยิ่งตำแหน่ง กาญจน์โน ผู้กำกับการ สถานีตำรวจ ลุมพินี เผยออกมาว่า ข้างหลังทราบเรื่องตำรวจได้นำกำลังเดินทางไปดูแลความปลอดภัย ในจุดที่มีการรวมตัวกันข้างในตรอกสุขุมวิท 11 เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุความร้ายแรง ก่อนที่จะชักชวนให้ข้างผู้เสียหายมาคุยที่ สถานีตำรวจลุมพินี
โดยการันตีว่า จะให้ความยุติธรรม ผู้ใดไม่ถูกก็ว่าไปตามไม่ถูก ซึ่งบัดนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนผู้เสียหาย เมื่อพิสูจน์รู้ชัดเจนว่าผู้ก่อเรื่องเป็นผู้ใดกันแน่ก็จะพบตัวมาให้คำให้การถัดไป แล้วจะตรวจทานถึงการเดินทางเข้าประเทศว่าเข้ามาดำเนินการได้ถูกไหมด้วย แล้วต่อจากนั้นได้มีการขอความร่วมมือให้ทางสาวจำพวกสองที่มารวมกลุ่มที่สถานีตำรวจแยกย้ายกันกลับไปอยู่บ้านไป ซึ่งก็ยอมประพฤติตามด้วยดี
แล้ว กลุ่มข่าวสารยังลงพื้นที่ไปยังจุดที่มีการรวมกลุ่ม ที่หน้าเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ข้างในซอกซอยสุขุมวิท 11/1 ซึ่งเป็นบังกะโลที่สาวสองรุ่งเช้าประเทศฟิลิปปินส์คู่ความพักอยู่ พบว่ายังมีสาวจำพวกสองชาวไทยรวมตัวกันอีกจำนวนไม่ใช่น้อย เมื่อกลุ่มข่าวสารไปถามก็ได้รับคำตอบว่าต้องการจะพบเพื่อสะสางปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะว่าความประพฤติปฏิบัติแบบนี้ราวกับดูหมิ่นเหยียดหยามเกียรติยศสาวจำพวกสองชาวไทย จนกระทั่งควรมีการนำตำรวจสถานีตำรวจ ลุมพินีมาดูแลความเรียบร้อยเพื่อไม่ให้เกิดเหตุความปั่นป่วนขึ้นอีก
สรุปเรื่อง 4 มี.ค.วันกะเทยผ่านศึก นัดหมายรวมพลรอคอยจัดการกะเทยประเทศฟิลิปปินส์
วันกะเทยผ่านศึก! สรุปเรื่องราว 4 มี.ค. กะเทยไทย รวมตัวกันโดยไม่ได้นัดแนะที่ สุขุมวิท ตรอก 11 คอยสะสางกะเทยประเทศฟิลิปปินส์ ข้างหลังเปิดศึกรุมทำร้ายกะเทยไทย
นักข่าวกล่าวว่า เมื่อตอนเวลาดึกก่อนหน้านี้ในโลกอินเตอร์เน็ตมีการรายงานการรวมตัวกันของกรุ๊ป LGBTQ+ ที่เรียกตัวเองว่า “กะเทยไทย” รอบๆหน้าโฮเต็ลแห่งหนึ่ง สุขุมวิท ซอกซอย 11 โดยอ้างถึงว่า เป็นการรวมกลุ่มเพื่อรอคอยปะทะกับ กะเทยผิน หรือ กะเทยประเทศฟิลิปปินส์ ที่กระทำตัวเป็นกลุ่มมาเฟียในพื้นที่ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
ผู้ใช้เฟซบุ๊กหลายราย อ้างถึงว่า สถานะการณ์ดังกล่าวมาแล้วข้างต้นเริ่มจาก กรุ๊ปกะเทยประเทศฟิลิปปินส์กว่า 20 คน ได้รุมทำร้ายกะเทยไทย จนได้รับเจ็บและก็สูญเสียเงิน
ถัดมามีการนำคลิปวิดีโอไปโพสต์ลงในกรุ๊ปต่างๆในลักษณะเย้ยหยัน กระทั่งทำให้กะเทยไทยที่มองเห็นคลิปดังที่กล่าวถึงแล้ว ทนไม่ได้รวมทั้งออกมารวมตัวกันโดยมิได้นัดแนะในตอนตกดึกก่อนหน้าที่ผ่านมา
ระหว่างที่ตำรวจ สถานีตำรวจลุมพินี ได้เข้าพื้นที่ยับยั้งเหตุ แม้กระนั้นมีเหตุอลเวงเกิดขึ้น ในขณะที่ตำรวจมานะนำตัวกะเทยประเทศฟิลิปปินส์ออกมาจากเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ เพื่อเดินทางไปยังโรงพัก ท่ามกลางเหตุการณ์ความเคร่งเครียดที่เกิดขึ้นในพื้นที่
กะเทยไทยปริมาณหนึ่งเดินทางมาติดตามความก้าวหน้า
ถัดมา รอบๆหน้า สถานีตำรวจลุมพินี มีกะเทยไทยปริมาณหนึ่งเดินทางมาติดตามความก้าวหน้า จนกระทั่งเมื่อเวลา 23.05 น. เหตุการณ์เริ่มคลี่คลาย โดยมีตัวแทนที่เข้าไปคุยกับตำรวจ แจ้งว่า ในช่วงเวลานี้ตำรวจขอพื้นที่ปฏิบัติงาน แล้วก็เดี๋ยวนี้เรื่องทั้งสิ้นอยู่ในแนวทางการทำงานของข้าราชการแล้ว พร้อมย้ำว่า คนไหนมีหลักฐานรับรองความประพฤติข้อผิดพลาดของกะเทยประเทศฟิลิปปินส์ ขอให้เก็บรวบรวมส่งให้ตำรวจ เพื่อกระทำการสืบสวนถัดไป
ทนายไพศาล พา “กะเทยไทย” แจ้งจับ “กะเทยประเทศฟิลิปปินส์” ปล้น ปองร้าย
“ทนาย” พา “กะเทยไทย” ผู้เสียหาย แจ้งเหตุตำรวจ สถานีตำรวจลุมพินี ฟ้อง “กะเทยประเทศฟิลิปปินส์” ในข้อกล่าวหาจารกรรม รวมทั้งประทุษร้าย สงสัยมาขายประเวณีหรือเปล่า
ความก้าวหน้าคดี กะเทยไทย วิวาทกับกะเทยประเทศฟิลิปปินส์ เหตุกำเนิดข้างในซอกซอยสุขุมวิท 11/1 ท้องที่ สถานีตำรวจลุมพินี
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 5 มี.ค. 2567 ที่ สถานีตำรวจลุมพินี ทนายพาสาวสองคนประเทศไทย ปริมาณ 4 คน ผู้เสียหายจากเหตุทะเลาะกับกรุ๊ปสาวสองชาวประเทศฟิลิปปินส์ เข้าหา พันตำรวจโทเทอดอำนาจ จิตชน สว.(ซักถาม) สถานีตำรวจลุมพินี เพื่อแจ้งเหตุฟ้อง กับกรุ๊ปสาวสองชาวฟิลิปินส์ในข้อกล่าวหาจารกรรม และก็ปองร้าย
ทนายไพศาล บอกว่า การจับกลุ่มของ LGBTQ+ เมื่อวานนี้ ทำให้เห็นว่าชาวไทยยอมประเด็นนี้มิได้ กับหัวข้อนี้ สาวสองชาวประเทศฟิลิปปินส์กลุ่มนี้ยังเดินทางกลับประเทศมิได้ จะต้องถูกฟ้องร้องคดีในข้อกล่าวหาโจรกรรมและก็ฐานเกื้อหนุนให้ปล้น โทษจำตารางสูงสุด 10 ปี โดยวันนี้ตนจะปรึกษากับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เกี่ยวกับเรื่อง พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง นับว่าเป็นบุคคลไม่ปรารถนา จำเป็นที่จะต้องติดแบล็กลิสต์ ห้ามเข้าประเทศ ในเรื่องมีเหตุสงสัยว่าอยู่ในข่ายมาขายประเวณีหรือเปล่า ตรงข้ามความเรียบร้อยรวมทั้งคุณธรรมอันดีของพลเมือง ที่จะจะต้องยกเลิกวีซ่า เมื่อก่อนจะยกเลิกวีซ่า ถ้าหากศาลตัดสินคดีว่ามีความผิดจริง จึงควรจำคุกที่ไทยก่อน รวมทั้งค่อยออกไป จะได้จำเมืองไทยไปนานๆส่วนที่กลับไปแล้วไม่เคยทราบว่าเขามีความเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า แม้กระนั้นทั้งหมดที่มีรูปถ่าย หรือหลักฐานว่าเกี่ยวโยงในเรื่องจำเป็นที่จะต้องมารับไม่ถูกใจ
เอกอัครราชทูตประเทศฟิลิปปินส์ ศึกวิวาทกะเทยไทย กะเทยฟิลิปปินส์ ถูกรุมตบตีย่ำยีเกียรติ
รับตัวกะเทยประเทศฟิลิปปินส์ รีสอร์ทลิฟต์พังทลาย-พนง.โดนลูกหลง
หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยบังกะโลที่กรุ๊ปกะเทยประเทศฟิลิปปินส์ใช้พัก เปิดเผย เอกอัครราชทูตประเทศฟิลิปปินส์ มารับตัวไปแล้ว จนถึงไม่มีส่วนเกี่ยวโยงใดๆก็ตามพร้อมเผยรายการเงินทองเสียหาย
ความก้าวหน้าคดี กะเทยไทย ทะเลาะเบาะแว้งกับกะเทยประเทศฟิลิปปินส์ เหตุกำเนิดข้างในซอกซอยสุขุมวิท 11/1 ท้องที่ สถานีตำรวจลุมพินี
ตอนวันที่ 5 เดือนมีนาคม 2567 ที่ซอกซอยสุขุมวิท 11/1 ที่โรงเเรมแห่งหนึ่ง รอบๆหน้าอพาร์เม้นท์ดังกล่าวมาแล้วข้างต้นเป็นจุดเกิดเหตุอลเวง จากการที่มีกรุ๊ปสาวสองคนประเทศไทยรวมตัวกันบีบคั้นให้สาวสองชาวประเทศฟิลิปปินส์ 20 รายลงมาพูดจา ข้างหลังได้มีการรุมทำร้ายสาวสองคนไทย ในตอนเวลาค่ำของวันที่ 4 มี.ค. ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา
ปัจจุบันทางศีรษะหน้าข้าง Security ของโฮเต็ล เปิดเผยว่า สาวสองชาวประเทศฟิลิปปินส์ เอกอัครราชทูตประเทศฟิลิปปินส์ ได้มารับตัวไปแล้ว
นายอำนาจ พระพรหมพิความสนุกสนาน หัวหน้าฝ่าย Security ของโฮเต็ล เผยออกมาว่า มีชาวประเทศฟิลิปปินส์พักตรงนี้ราว 5-6 คน ส่วนใหญ่จะเดินทางมาเข้าช่วงหลังทำศัลยกรรมเพื่อพักฟื้น และมีเพื่อนพ้องมายอดเยี่ยมแบบไป-กลับ โดยที่บังกะโลจะใช้เอกสารหนังสือเดินทางสำหรับในการเข้าพัก แล้วก็รับรองว่า ทางอพาร์เม้นท์มิได้ให้พื้นที่สำหรับเพื่อการหลบอาศัยแก่ชาวประเทศฟิลิปปินส์ที่ก่อเหตุ ดังที่ได้เป็นข่าว เนื่องจากว่าขณะนั้นเรื่องราวอลเวงมากมาย ไม่มีผู้ใดห้ามสถานะการณ์ทัน
รวมทั้งในขณะเกิดเหตุมีบุคลากรของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์โดนลูกหลง 1 คน ในเวลานี้กำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงหมอ แล้วก็มีรถจักรยานยนต์ของบุคลากรได้รับความเสื่อมโทรม ส่วนในตัวของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์เองได้รับความทรุดโทรมเช่นเดียวกันเป็นลิฟต์พังทลาย เนื่องจากว่าตอนเกิดเหตุมีการดึงกันทำให้เซนเซอร์ลิฟต์พังทลาย ในเวลานี้อยู่ระหว่างการคาดคะเนราคาความเสื่อมโทรม และก็ภาพกล้องวงจรปิดทั้งปวงที่บังกะโลมี ก็ได้ส่งให้ทางผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แล้วเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว
ดังนี้ ชาวประเทศฟิลิปปินส์กรุ๊ปดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นได้ check out ตั้งแต่ตอน 05.00 น. วันที่ 5 มี.ค. 67 ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา โดยมีเอกอัครราชทูตประเทศฟิลิปปินส์ประจำเมืองไทย มารับตัวทั้งปวงไป โดยส่วนมากที่โฮเต็ล จะมีนักท่องเที่ยวทั่วๆไปมาพักตลอด โดยจะมีชาวประเทศฟิลิปปินส์เข้ามาพักไม่มากเท่าไรนัก โดยจะเข้ามาพักเพียงแค่ 2-3 วัน เพื่อพักฟื้นผ่าตัด ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหาอะไรบ้างในการเข้าพัก รวมทั้งการันตีมิได้มีการหยุดไม่มีกำหนดเป็นหลักเดือน และก็ในทุกวี่วันมีเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์มีการแจ้งไปยัง กองตรวจคนเข้าเมืองแต่ละวัน เพื่อรายงานการเข้า-ออกของคนต่างประเทศ
ชัชชาติ ลงพื้นที่สุขุมวิท 11 ศึกวิวาทกะเทยไทย กะเทยฟิลิปปินส์ ถูกรุมตบตีย่ำยีเกียรติ
ลั่นอย่าเหมารวม นทท.ประเทศฟิลิปปินส์ ผู้กำกับการแจงเงื่อนค้าบริการ
“ชัชชาติ สิทธิจำพวก” ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่สุขุมวิท 11 ข้างหลังกำเนิดศึกกะเทยไทย VS กะเทยประเทศฟิลิปปินส์ บอกอคุณย่าเหมารวม นักเดินทางประเทศฟิลิปปินส์ ชี้กระทำความผิดเพียงแค่ส่วนน้อย ตอนที่ ผู้กำกับการสถานีตำรวจลุมพินี ยังมิได้รับรายงาน ในพื้นที่มีการค้าบริการทางเพศไหม
ความก้าวหน้าคดี กะเทยไทย ทะเลาะกับกะเทยประเทศฟิลิปปินส์ เหตุกำเนิดข้างในซอกซอยสุขุมวิท 11/1 ท้องที่ สถานีตำรวจลุมพินี
เมื่อเวลา 18.25 น. วันที่ 5 มี.ค. 2567 ที่รอบๆตรอกสุขุมวิท 3 นายชัชชาติ สิทธิประเภท ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพฯ ลงพื้นที่เพื่อวิเคราะห์รวมทั้งมองความเรียบร้อยในรอบๆพื้นที่ถนนหนทางสุขุมวิท โดยนายชัชชาติกล่าวมาว่า วันนี้ลงพื้นที่สำรวจมิได้เกี่ยวโยงกับเรื่องราวเมื่อคืนนี้โดยตรงจะมาดูแลความปลอดภัยของนักเดินทางในบริเวณเซ็นทรัลเวิลด์ นานา และก็ถนนหนทางสุขุมวิททั้งยังเส้น ปัญหาเกี่ยวกับการขายยาสูบกระแสไฟฟ้าไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ขายวัสดุอุปกรณ์ sex toy กรุงเทพมหานครเพียรพยายามเอาจริงเอาจังแท็กซี่โหดร้าย ไกด์โหดร้าย ที่มาหาแขกตามข้างถนน ปัจจุบันนี้ก็เลยจะต้องมีการลงพื้นที่ตรวจดู กรุงเทพมหานครต้องดูแลความเรียบร้อยของชาติบ้านเมือง รวมทั้งเรื่องขยะ เสียงอึกทึกครื้นเครง และก็คนไม่มีบ้าน โดย กรุงเทพมหานครผสานกับทางเทศกิจรวมทั้งตำรวจที่จะสามารถช่วยกันกระตุ้นให้เกิดความเรียบร้อย
ข้าหลวงประจำจังหวัดจังหวัดกรุงเทพมหานคร พูดว่า ชาวประเทศฟิลิปปินส์ที่เข้ามาอยู่ประเทศไทยเป็นมิตรกับประเทศพวกเรารวมทั้งโดยมากเป็นนักเดินทางที่ดี ส่วนคนที่ปฏิบัติตนไม่ดี มีเพียงแค่ส่วนน้อยเพียงแค่นั้น ผู้ที่เข้ามาปฏิบัติงานในประเทศไทยอย่างถูกตามกฎหมายมีอยู่มากมายก่ายกอง อย่าเหมารวมว่าชาวประเทศฟิลิปปินส์ไม่ดี และยังรวมไปถึงชาติไหนก็ตาม แต่ว่าหากส่วนไหนที่ทำผิดก็จำเป็นต้องใช้ฟ้องร้องโดยชอบด้วยกฎหมาย
ด้าน พันตำรวจเอกยิ่งขั้น ทองโณ ผู้กำกับการสถานีตำรวจลุมพินี พูดว่า กรุ๊ปสาวสองชาวประเทศฟิลิปปินส์โดยมากมาในวีซ่านักเดินทาง ส่วนการเข้ามาแล้วมาทำอะไรจะต้องใช้เวลาสำหรับในการตรวจพิสูจน์ ควรมีการวิเคราะห์ทั้งหมดทั้งปวงว่า ทางอพาร์เม้นท์มีการแจ้งข้อมูลให้กับทาง กองตรวจคนเข้าเมืองรู้หรือเปล่าเกี่ยวกับเรื่องชาวประเทศฟิลิปปินส์ที่มาเข้าพัก โดยทาง กองตรวจคนเข้าเมืองได้ดำเนินการร่วมผสานกับทาง แผนกบัญชีน. บก.น.5 แล้วก็ สถานีตำรวจลุมพินี เพื่อทำพิจารณาข้อมูล
ถ้าเกิดมีความก้าวหน้าแจ่มแจ้งให้รู้ถัดไป ส่วนพื้นที่จะมีการค้าบริการไหม ตนยังมิได้รับรายงานประเด็นนี้ ส่วนการเข้าออกเมืองไทยยังอยู่ในกรอบของช่วงเวลาของวีซ่า ทุกสิ่งทุกอย่างการไต่สวนก่อนหน้านี้จำต้องใช้กรรมวิธีผ่านทางล่ามแปลภาษา ส่วนประเด็นการขายประเวณีกรุ๊ปสาวไทยก็ยังไม่ให้ข้อมูลในส่วนนี้ มันก็อาจจะส่งผลเกี่ยวกับการเข้าไปตรวจตรา ส่วนข้อมูลที่บอกผ่านสื่อโซเชียลต่างๆนั้นต้องมีการตรวจตราว่าความจริงเป็นยังไงมีการแอบลักลอบขายประเวณีไหมถัดไป