ท่ามกลางการขยายตัวของเมืองใหญ่ ๆ ทั่วโลก พื้นที่สีเขียวกลับถูกคุกคามและลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง สร้างผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน แต่กรุง ลอนดอน มหานครอันดับต้น ๆ ของโลก กำลังเดินหน้าสู่ เป้าหมายใหม่ ที่ท้าทาย นั่นคือการแปลงโฉมเมืองหลวงของอังกฤษให้กลายเป็น “เมืองสีเขียว”
ใจกลางความวุ่นวายของมหานคร ลอนดอน เมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่อง ผู้คนมากมาย กำลังเตรียมพลิกโฉมหน้าสู่ยุคใหม่ ภายใต้แนวคิดสุดล้ำ “เมืองอุทยานแห่งชาติ” หรือ “National Park City” แห่งแรกของโลก โครงการอันทะเยอทะยานนี้ มุ่งหวังสร้างสมดุลระหว่างชีวิตคนเมืองและธรรมชาติ เปลี่ยนพื้นที่สีเทาให้กลายเป็นสีเขียว ชูโรงด้วยปรัชญา “ธรรมชาติคือสิ่งจำเป็น” ไม่ใช่แค่ “ของเสริม”
เป้าหมายยิ่งใหญ่ ตั้งไว้ที่ 50% ของพื้นที่เมืองทั้งหมดจะกลายเป็นพื้นที่สีเขียวภายในปี 2050 ชาวเมืองลอนดอนจะร่วมแรงร่วมใจ เนรมิตพื้นที่หน้าบ้าน หลังคา และสวนหลังบ้านให้กลายเป็นโอเอซิสสีเขียว เปลี่ยนพื้นที่คอนกรีตให้เป็นสวนป่า ขุดหลุมบริเวณรั้วบ้าน เชื่อมต่อทางเดินธรรมชาติ เปิดทางให้สัตว์ป่า เช่น เม่น ตัวตุ่น สัญจรไปมาอย่างอิสระ
โครงการนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงลมปาก รัฐบาลอัดฉีดงบประมาณกว่า 12 ล้านปอนด์ กระจายไปยังชุมชนต่างๆ ทั่วเมือง สนับสนุนการปลูกต้นไม้ ขยายพื้นที่ป่า โดยมีการวิเคราะห์ไว้ว่า เงินทุนทุกๆ 1 ปอนด์ที่ลงทุน จะช่วยประหยัดงบประมาณด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และพลังงานของเมืองได้ถึง 7 ปอนด์
จากรายงาน ข่าวสิ่งแวดล้อม งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ยืนยันว่า พื้นที่สีเขียวในเมือง ส่งผลดีต่อสุขภาพ ช่วยลดอัตราการเจ็บป่วย ทั้งโรคอ้วน ความเครียด และโรคจากมลพิษทางอากาศ ยืดอายุขัยของประชากร
มหานครลอนดอน กำลังก้าวสู่ยุคใหม่ ยุคแห่งการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ เมืองอุทยานแห่งชาติ จะเป็นต้นแบบให้กับเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสมดุล คืนสมดุลให้กับธรรมชาติ เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
ลอนดอน ‘เมืองสีเขียว’ เป้าหมายใหม่ สู่มหานครยั่งยืนท่ามกลางธรรมชาติ
แม้ว่า ลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษ จะขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามอยู่แล้ว แต่กลับเปี่ยมไปด้วยพื้นที่สีเขียวชอุ่มที่ทอดยาวกว่าหนึ่งในสามของพื้นที่ทั้งหมด ต่างจากปารีสและนิวยอร์กที่มีพื้นที่สีเขียวเพียง 10% และ 27% ตามลำดับ เอกลักษณ์นี้ทำให้ ลอนดอน กลายเป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่มีพื้นที่สีเขียวมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
อนาคตอันรุ่งโรจน์ของเมืองนี้กำลังเผชิญกับความท้าทาย ประชากรของ ลอนดอน คาดว่าจะพุ่งสูงขึ้นถึง 11 ล้านคนภายในปี 2040 เพิ่มจาก 9 ล้านคนในปัจจุบัน แน่นอนว่าความต้องการพื้นที่อยู่อาศัยย่อมขยายตัวตามจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น คำถามสำคัญคือ เมืองจะรักษาพื้นที่สีเขียวอันล้ำค่าไว้ได้อย่างไร?
เมืองสีเขียว เป้าหมายใหม่ ของ ลอนดอน มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน กลมกลืนกับธรรมชาติ และใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผลลัพธ์ที่ได้คือบ้านนวัตกรรมที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของอนาคต
แนวคิด “พืชผักแนวดิ่ง” และ “หลังคาสีเขียว” จะถูกนำมาผนวกรวมเข้ากับการออกแบบบ้านอย่างชาญฉลาด การปลูกพืชผักบนผนังและดาดฟ้า ลอนดอน จะช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกและมลภาวะทางอากาศ ลดความร้อนจากแสงแดด ช่วยให้อุณหภูมิภายในบ้านเย็นสบาย ประหยัดพลังงาน และยังช่วยดูดซับน้ำฝน ดึงดูดสัตว์ป่า เช่น นกและผึ้ง กลับคืนสู่ระบบนิเวศในเมือง
ลอนดอน กำลังพัฒนาเทคโนโลยี “สวนลอยฟ้า” อย่างต่อเนื่อง แนวคิดนี้มุ่งเน้นการสร้างสวนสาธารณะลอยฟ้าบนหลังคาอาคารสูง เสมือนโอเอซิสสีเขียวกลางเมือง เพิ่มพื้นที่สีเขียวและมอบพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจให้กับประชาชน
กลยุทธ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ ลอนดอน เมืองหลวงที่มุ่งมั่นรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนาเมืองและการอนุรักษ์ธรรมชาติ กลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืน มอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน และคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของ ลอนดอน ในฐานะ “มหานครสีเขียว” ของโลก
โครงการเมืองอุทยานแห่งชาติ ตัวอย่างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน
แดเนียล ราเวน-เอลิสัน หนึ่งในผู้ริเริ่มโครงการ กล่าวว่า “ลอนดอนไม่ใช่แค่เมือง แต่เป็นภูมิทัศน์ ภูมิทัศน์นี้ไม่ได้เป็นแค่ของคน 9 ล้านคน แต่ยังมีต้นไม้กว่า 15,000 สายพันธุ์อยู่ร่วมกับเรา การทำให้ทั้งหมดอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขจึงเป็นเรื่องสำคัญ”
โครงการเมืองอุทยานแห่งชาติ มองลอนดอนเป็นมากกว่าเมือง แต่เป็นระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ เป้าหมายหลักคือการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมืองให้มากถึง 50% ภายในปี 2050 เปลี่ยนพื้นที่รกร้าง พื้นที่หน้าบ้าน หลังคา และสวนหลังบ้าน ให้กลายเป็นสวนสาธารณะ พื้นที่ป่า พื้นที่ชุ่มน้ำ หรือแปลงผักสวนครัว สร้างระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ เชื่อมต่อสวนสาธารณะที่มีอยู่ ป่าชานเมือง แม่น้ำ ลำธาร
เมืองสีเขียว นี้ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การปลูกต้นไม้เพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาธรรมชาติ ร่วมกิจกรรมอาสาสมัคร เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติในท้องถิ่น สนับสนุนธุรกิจที่ยั่งยืน และสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง