ไฟป่าเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศน์ เศรษฐกิจ และสุขภาพของประชาชน รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของปัญหานี้ จึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชน หา แนวทางป้องกันไฟป่า อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันปัญหาไฟป่าในอนาคต
เทือกเขาภูแลนคา ซึ่งเป็นแนวเขาที่ยาวต่อเนื่องผ่านหลายอำเภอในจังหวัดชัยภูมิ ไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักในฐานะพื้นที่ภูเขาที่มีความสูงและซับซ้อนเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญของภาคอีสาน ที่ไหลเข้าสู่แม่น้ำชี แม่น้ำลำปะทาว และแม่น้ำน้อยใหญ่อีกมากมาย
ด้วยลักษณะทางภูมิประเทศที่หลากหลาย ตั้งแต่ที่ราบเชิงเขาไปจนถึงทุ่งหญ้าและป่าเต็งรัง ป่าดิบฝน ภูแลนคาจึงมีภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล โดยมีฤดูร้อนในช่วงกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม ฤดูฝนตั้งแต่มิถุนายนถึงกันยายน และฤดูหนาวจากตุลาคมถึงมกราคม
การบริหารจัดการพื้นที่ตลอดเทือกเขาภูแลนคาได้ถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน ทั้งจากภาครัฐและภาคประชาชน ประกอบด้วยอุทยานแห่งชาติภูแลนคา อุทยานแห่งชาติตาดโตน เขตป่าอนุรักษ์ และป่าชุมชน ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่เป็นป่าเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและหาอาหารของชุมชน ทำหน้าที่เสมือนซุปเปอร์มาร์เกตขนาดใหญ่ที่สร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับชุมชน
อย่างไรก็ตาม การใช้ประโยชน์จากพื้นที่ป่าที่ไม่สอดคล้องกับการอนุรักษ์ได้นำมาซึ่งปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะจากการบุกรุกของนายทุนและนายพรานป่าที่ล่าสัตว์ ซึ่งส่งผลให้เกิดภัยพิบัติต่างๆ เช่น ไฟไหม้ป่าในปี พ.ศ.2559 ที่ทำให้เกิดความเสียหายกับผืนป่าเกือบ 3,000 ไร่ และการเกิดมลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่
อีกทั้ง ข่าวสิ่งแวดล้อม ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นซ้ำในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ป่าภูหลง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูแลนคา ได้สร้างความเสียหายอย่างมาก โดยมีต้นไม้น้อยใหญ่ตายและเสียหายไปมากกว่า 1,300 ไร่ สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการบริหารจัดการผืนป่าอย่างมีส่วนร่วมและยั่งยืนและจำเป็นต้องมี แนวทางป้องกันไฟป่า ที่แน่นอนในอนาคต
ชุมชนผนึกกำลังพิทักษ์ป่าภูหลง บทเรียนจากไฟป่าและ แนวทางป้องกันไฟป่า
ในเงื่อนไขที่ซับซ้อนของการอนุรักษ์ป่าภูหลง ซึ่งเป็นสมบัติของชาติที่ต้องได้รับการปกป้อง กฎหมายของรัฐได้กำหนดห้ามประชาชนเข้าไปใช้ประโยชน์จากพื้นที่ป่านี้ ทว่าชุมชนบ้านตาดรินทองและบ้านตาดภูทอง ซึ่งตั้งอยู่ในหัวใจของป่าภูหลง ได้พึ่งพาผืนป่านี้เป็นแหล่งทำมาหากินมาช้านาน ความขัดแย้งระหว่างกฎหมายกับวิถีชีวิตของชาวบ้านจึงเกิดขึ้น
ด้วยความช่วยเหลือจากพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล แห่งวัดป่ามหาวัน ความขัดแย้งได้รับการแก้ไข ชุมชนจึงสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างสงบสุข โดยมีการกำหนดช่วงเวลาที่ห้ามเข้าไปในป่าเพื่อเก็บหาของป่า เช่น หน่อไม้และเห็ด ในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม เพื่อให้ป่าได้ฟื้นฟูตัวเอง
ทุกปี คณะกรรมการป่าชุมชนจะตั้งด่านตรวจเพื่อควบคุมการเข้าออกของป่า สราวุธ พันสาง หรือ “พี่เต่า” ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่เติบโตมาพร้อมกับป่าภูหลงที่อุดมสมบูรณ์ ได้เริ่มทำงานอาสาพิทักษ์ป่าตั้งแต่ปี 2548 และต่อมาได้เข้ารับการบรรจุเป็นพนักงานพิทักษ์ป่าอย่างเต็มตัว
ก่อนเกิดไฟป่าใหญ่ในปี 2559 ป่าภูหลงและป่าในเทือกเขาภูแลนคามีสภาพเป็นป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์และชุ่มชื้น แต่หลังจากเกิดไฟป่า พื้นที่เหล่านั้นก็เหลือเพียงเศษซากเถ้าถ่าน ไพบูลย์ บุญโยธา รองปลัดเทศบาลตำบลธาตุทอง ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของเครือข่ายชาวบ้านชุมชนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ในการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำ เพื่อให้ป่ากลับมามีความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง
การจัดการป่าไม้และระบบน้ำ กลยุทธ์สำคัญในการป้องกันไฟป่า
การจัดการป่าไม้และ แนวทางป้องกันไฟป่า เป็นงานที่ต้องการความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในอดีต การขาดการวางแผนและการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบได้ทำให้เป้าหมายในการจัดการป่าไม้ไม่สามารถบรรลุได้ ด้วยเหตุนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรอบป่าภูหลงและเทือกเขาภูแลนคาจึงได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อทำงานร่วมกันอย่างมีระบบและมีแบบแผน
การสร้างระบบน้ำเพื่อป้องกันไฟป่าเป็นกลยุทธ์หลักในการจัดการกับภัยคุกคามนี้ โดยการสร้างฝายชะลอน้ำและสระน้ำขนาดใหญ่ตามร่องเขาเพื่อเก็บน้ำฝน สร้างแหล่งน้ำต้นทุนที่สามารถกระจายน้ำได้ในระยะทาง 1-2 กิโลเมตร การวางถังน้ำขนาด 1,000 ลิตรและท่อน้ำในจุดต่างๆ ช่วยลดระยะทางในการลำเลียงน้ำเพื่อดับไฟ นอกจากนี้ การติดตั้งสปริงเกอร์ในป่าชั้นในที่ยังคงมีความชื้นสมบูรณ์ช่วยให้สามารถจัดการกับไฟป่าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยใช้แรงงานน้อยลงและสามารถครอบคลุมพื้นที่ป่าที่มีขนาดใหญ่
การปรับปรุงและการพัฒนาเทคนิคเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องป่าไม้และรักษาความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ การทำงานร่วมกันของหน่วยงานต่างๆ จะช่วยให้สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามจากไฟป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
เทือกเขาภูแลนคาโมเดล ตัวอย่างพลังชุมชนในการจัดการไฟป่า
เพื่อรับมือกับปัญหาไฟป่าที่เพิ่มขึ้น ทางการท้องถิ่นได้ตั้งระบบกระจายน้ำและสถานีเติมน้ำให้กับรถดับเพลิงทั่วทั้งพื้นที่ โดยมีอุปกรณ์ขนถ่ายน้ำทั้งหมด 6 สถานีที่ทำงานร่วมกับระบบกาลักน้ำ ซึ่งเป็นการถ่ายน้ำจากแหล่งน้ำที่มีระดับสูงลงมายังที่ต่ำ พร้อมทั้งมีการตรวจสอบระดับน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่ามีน้ำเพียงพอสำหรับการต่อสู้กับไฟป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายกเทศมนตรีวัชรธนาคม จากตำบลธาตุทอง ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันเป็นเครือข่ายและการแบ่งปันข้อมูล ซึ่งได้นำไปสู่การดำเนินการที่รวดเร็วและมีประสิทธิผลในการจัดการกับปัญหาป่าไม้และไฟป่า. นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งโครงการเพื่อพัฒนาทักษะของประชาชน โดยมีการอบรมจิตอาสาป้องกันไฟป่าเพื่อให้พวกเขามีความรู้และความชำนาญในการเผชิญกับเหตุการณ์ไฟป่าอย่างถูกต้องและปลอดภัย
ดร.นิสา รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน ได้ย้ำถึงการสนับสนุนโครงการที่เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน การสร้างการเรียนรู้ และการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนผ่านการจัดการทรัพยากรและการฟื้นฟูป่าภูหลง โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างศักยภาพของเครือข่ายชุมชน
การทำงานร่วมกันในพื้นที่ได้นำไปสู่การพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถของเทศบาลตำบลธาตุทองให้กลายเป็นศูนย์จัดการเครือข่ายสุขภาวะชุมชนที่สามารถแก้ไขปัญหา จัดการความรู้ และขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทือกเขาภูแลนคาโมเดลได้กลายเป็นตัวอย่างของพลังชุมชนที่เข้มแข็งและยั่งยืนในการต่อสู้กับไฟป่า แสดงให้เห็นว่าการทำงานร่วมกันของชุมชนสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายและยั่งยืนได้