จากกรณีที่มีคลิปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นกลุ่มคนกำลังจุดไฟเผาป่าที่ ดอยเวียงผา จ.เชียงใหม่ หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการลักลอบเผาป่า ทาง นายมัญญา นาคพน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา ชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2567 เป็นกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่บ้านห้วยป่าไร่ ต.แม่คะ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ กำลังช่วยเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า โดยใช้เทคนิค “ไฟชนไฟ” (Back Firing)
เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2567 นายมัญญา นาคพน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา จังหวัดเชียงใหม่ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ซึ่งแสดงให้เห็นกลุ่มคนกำลังจุดไฟเผาป่าในพื้นที่ของอุทยานฯ การเกิดเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา
ตามที่มีรายงาน ข่าวสิ่งแวดล้อม เกิดเหตุไฟป่าลุกลามในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ดอยเวียงผา ทางอุทยานฯ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดสกัดห้วยเดื่อ และหน่วยพิทักษ์ปางปอย พร้อมด้วยชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมกันจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และจุดเฝ้าระวังไฟป่า 2 ชุด ชุดละ 3 คน รวมเป็น 6 คน
นอกจากนี้ ยังมีชุดอาสาดับไฟป่าประจำหมู่บ้านห้วยป่าไร่ ตำบลแม่คะ อำเภอฝาง จำนวน 40 คน เข้าร่วมปฏิบัติการตรวจสอบพื้นที่เป้าหมาย เพื่อป้องกันและควบคุมเพลิงไหม้ป่าให้เร็วที่สุด
เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดดับไฟป่าเดินทางไปถึงจุดกำเนิดของ Hotspot พบกับอุปสรรคใหญ่หลวงที่ท้าทายความสามารถในการควบคุมเพลิงไหม้ พื่ีเนื่องมาจากลักษณะภูมิประเทศบริเวณดังกล่าวเป็นเทือกเขาสูงชัน เต็มไปด้วยป่าเบญจพรรณผสมป่าไผ่ที่ทึบแน่น ส่งผลให้ไฟป่าลุกลามอย่างรุนแรงและยากต่อการเข้าควบคุม
ไฟป่ายังคงลุกลามต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าเผชิญอุปสรรคจากกระแสลมแรง ณ ดอยเวียงผา
แนวกันไฟ ถูกสร้างขึ้นเพื่อควบคุมไฟป่าไม่ให้ลุกลามขยายวงกว้าง เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าไม่สามารถเข้าดับไฟโดยตรงได้ เนื่องจากกระแสลมแรงเป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงาน
ชุดบูรณาการดับไฟป่า กำลังเฝ้าระวังพื้นที่และวางแผนการดำเนินงานในขั้นตอนต่อไป ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขนาดพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ หรือ สาเหตุของไฟป่า
จากรายงานพบจุดความร้อน 3 จุดในบริเวณใกล้เคียงกัน บนพื้นที่ป่าบ้านห้วยป่าไร่ ต.แม่คะ อ.ฝาง เจ้าหน้าที่ชุดบูรณาการดับไฟป่าพิจารณาแล้วว่า พื้นที่ดังกล่าวเกิดไฟป่าติดต่อกันมานาน ประกอบกับเป็นพื้นที่สูงชัน เข้าถึงยาก และกระแสลมแรง จึงมีความเสี่ยงสูงที่ไฟจะลุกลามขยายวงกว้าง สร้างความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ สัตว์ป่า และก่อให้เกิดฝุ่นละออง PM2.5
ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจใช้วิธีการ “Back Firing” ควบคุมเพลิง โดยอาศัยประกาศสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เรื่อง งดการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่)
Back Firing คือ เทคนิคการจุดไฟเผาพื้นที่ป่าในแนวตรงกันข้ามกับทิศทางการลุกลามของไฟป่า เพื่อตัดวงล้อมไฟไม่ให้ลุกลามต่อไป เป็นการลดเชื้อเพลิงและควบคุมขอบเขตของไฟป่าให้อยู่ในวงจำกัด
อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้มีความเสี่ยงสูง ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์จากเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมไฟป่าอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟ Back Firing ลุกลามควบคุมไม่ได้
ประกาศจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) แจ้งปิดพื้นที่ป่าอนุรักษ์แบบบูรณาการเชิงพื้นที่ทุกแห่งในสังกัดเป็นการชั่วคราว เพื่อหยุดการบริหารจัดการเชื้อเพลิงตามแผนงานที่กำหนดไว้ เน้นไปที่การระดมกำลังเจ้าหน้าที่และทรัพยากรทั้งหมดเพื่อควบคุมและดับไฟป่าที่กำลังโหมกระหน่ำอยู่ในพื้นที่
ทั้งนี้ การงดบริหารจัดการเชื้อเพลิง มีผลตั้งแต่วันที่ 13 เมษา 67 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์ไฟป่าจะคลี่คลาย ยกเว้นกรณีเร่งด่วน ที่จำเป็นต้องใช้การดับไฟทางอ้อมโดยวิธีการ “ไฟชนไฟ” (Back Firing) ซึ่งต้องได้รับอนุมัติเป็นกรณีพิเศษและเฉพาะพื้นที่เท่านั้น จากเขตป่าอนุรักษ์จังหวัดเชียงใหม่ – เกิดเหตุไฟป่าลุกลามในพื้นที่เขตป่าอนุรักษ์ เจ้าหน้าที่ชุดแรกเข้าระงับไฟ แต่ด้วยกระแสลมแรงและต้นไผ่ล้มพาดข้ามแนวกันไฟ จึงเกรงว่าจะควบคุมไฟไม่ได้ อาจลุกลามเข้าสู่เขตป่าสงวนแห่งชาติที่มีพื้นที่ทำกินของประชาชนอยู่
เจ้าหน้าที่จึงประสานชุดที่ 2 เครือข่ายชาวบ้านชุดดับไฟป่าบ้านห้วยป่าไร่ ที่เฝ้าระวังอยู่ด้านนอกเขตอุทยานแห่งชาติ ดอยเวียงผา เร่งทำแนวกันไฟและจุดไฟเผากลับ (Back Firing) เพื่อสกัดไฟไม่ให้ลุกลามกว้างจนอยู่นอกเหนือการควบคุม สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวน
ชุดอาสาดับไฟป่าได้ดำเนินการเผากลับเป็นแนวกันไฟในพื้นที่ไร่ ป้องกันไฟข้ามไปยังพื้นที่ป่าข้างเคียง
ผลการดำเนินการ
- เจ้าหน้าที่ชุดบูรณาการดับไฟป่าถอนกำลังออกจากพื้นที่
- เข้าตรวจสอบพื้นที่ไฟไหม้อีกครั้งในจุดสังเกตการณ์ ณ จุดสกัดป้องกันไฟป่าบ้านปางปอย เวลา 21.46 น.
- ไฟป่าในบริเวณดังกล่าวได้ดับสนิท