กรุงเทพฯ ถึงทางตัน? ภาคประชาชนบุก ป.ป.ช. จี้ทบทวนผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4) นี้ เต็มไปด้วยข้อกังขาและเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ เวทีรับฟังความคิดเห็นที่จัดขึ้นหลายครั้งทั่วกรุงเทพฯ กลับถูกควบคุมโดยเจ้าหน้าที่ กำหนดเวลาให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นอย่างจำกัด ขาดการรับฟังอย่างแท้จริง ประชาชนผู้เข้าร่วมหลายคนถูกกีดกันไม่ให้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ เกิดบรรยากาศตึงเครียด อึดอัด และสิ้นหวัง
การเปิดรับฟังความคิดเห็นร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4) ข่าวสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นร้อนแรงว่า กรุงเทพฯ ถึงทางตัน หรือไม่? เมื่อเครือข่าย ภาคประชาชนบุก ป.ป.ช. และสภาผู้บริโภค ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการรับฟังความคิดเห็นว่าไม่โปร่งใส ไม่เอื้อต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง และอาจขัดต่อกฎหมาย ประเด็นที่ถูกตั้งคำถามอย่างหนัก คือ กรุงเทพมหานคร กำหนดระยะเวลาการรับฟังความคิดเห็นที่สั้นเพียง 2 เดือน (6 มกราคม – 29 กุมภาพันธ์ 2567) ผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก จำกัดการมีส่วนร่วมของประชาชนที่ยากลำบาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ข้อมูลที่เปิดเผยยังไม่ครบถ้วน ประชาชนเข้าถึงและวิเคราะห์ได้ยาก
เวทีเสวนา “หยุดผังเมือง กรุงเทพฯ เหนือสิทธิประชาชน” เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสคัดค้านร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4) จากหลายภาคส่วน ประชาชนจำนวนมากรู้สึกว่า กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำร่างผังเมืองนั้น ถึงทางตัน? ไม่โปร่งใส ไม่เพียงพอ และขาดการแจ้งข้อมูลที่ครบถ้วน ประกอบกับเนื้อหาของร่างผังเมืองเองก็ถูกมองว่า ละเมิดสิทธิประชาชน ไม่ตอบสนองต่อปัญหาของเมือง และเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนมากกว่าประชาชน
เครือข่ายภาคประชาชนหลายกลุ่มได้รวมตัวกันเพื่อคัดค้าน ร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4) โดยพวกเขาระบุว่า กระบวนการรับฟังความคิดเห็น การปรึกษาหารือ และการมีส่วนร่วมของประชาชนที่กรุงเทพมหานครจัดทำขึ้นนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ ไม่โปร่งใส
อิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสภาผู้บริโภค ได้ออกมาอธิบายถึงเหตุผลที่ต้องเรียกร้องให้ กรุงเทพมหานคร ยุติการดำเนินการทั้งหมดในการร่างผังเมืองรวมฉบับปัจจุบัน โดยให้เหตุผลสำคัญ 2 ประการดังนี้
1. ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
- มาตรา 72 (2) รัฐธรรมนูญ 2560 ระบุว่า รัฐต้องจัดให้มีการวางผังเมืองทุกระดับและกำกับดูแลให้เป็นไปตามผังเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งพัฒนาเมืองให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่
- กระบวนการจัดทำร่างผังเมืองรวมฉบับนี้ ขาดการรับฟังความคิดเห็น ปรึกษาหารือ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในแต่ละพื้นที่ก่อนการจัดทำ ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
2. ขัดต่อกฎหมายการวางและจัดทำผังเมือง
มาตรา 9 พระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562 กำหนดให้มีการประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึง แต่กระบวนการจัดทำร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4) ขาดการประชาสัมพันธ์ที่เพียงพอ ประชาชนจำนวนมากไม่ทราบถึงการจัดทำร่างผังเมืองฉบับนี้
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ภาคประชาชนจึงเรียกร้องให้:
- ยุติการดำเนินการทั้งหมดในการร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4)
- เริ่มต้นกระบวนการใหม่โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง
- จัดทำร่างผังเมืองที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
นายก้องศักดิ์ สหะศักดิ์มนตรี เครือข่ายชุมชนปกป้องคุณภาพชีวิตคนเมือง ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ฉบับ พ.ศ. 2567 โดยระบุว่า ร่างผังเมืองฉบับนี้มีจุดอ่อนสำคัญในเรื่องการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เขาตั้งข้อสังเกตว่า กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในร่างผังเมืองฉบับนี้ไม่เป็นไปตามกฎหมายผังเมืองปี 2562 มาตรา 9 ขาดการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนอย่างแท้จริง
“ผังเมืองก็ไม่ได้สะท้อนความต้องการในการจัดการเมืองร่วมกันตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้นร่างผังเมืองฉบับนี้จึงจบแล้วตั้งแต่ต้น ไปต่ออีกไม่ได้เลย” นายก้องศักดิ์กล่าว
นายวีระพันธุ์ ชินวัตร อุปนายกสมาคมอนุรักษ์ศิลปกรรมและสิ่งแวดล้อม (SCONTE) แสดงความกังวลว่า ร่างผังเมืองฉบับนี้จะส่งผลกระทบต่อสิทธิของคน กรุงเทพฯ จำนวนมาก ถึงทางตัน? เขาอธิบายว่า การแบ่งพื้นที่สีต่างๆ ในร่างผังเมืองฉบับนี้ ลิดรอนสิทธิของคนกรุงเทพฯ ตัวอย่างเช่น การกำหนดพื้นที่สีแดง ส้ม เหลือง เขียว ซึ่งเลือกจากย่านธุรกิจ อาจทำให้พื้นที่มรดกทางวัฒนธรรมสูญหายไป
“ทั้งที่เป็นส่วนมรดกที่จับต้องไม่ได้ก็คือชาวบ้านที่จะต้องหาที่อยู่อาศัยใหม่ ความเป็นชุมชนจะหายไปหมด” นายวีระพันธุ์กล่าว
มรดกทางวัฒนธรรมของคนกรุงเทพฯ ถึงทางตัน? เสี่ยงหายไปจากการขยายถนน?
สมาคมอนุรักษ์ศิลปกรรมและสิ่งแวดล้อมไม่เห็นด้วยกับการขยายถนนในเขตเยาวราช โดยกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ เช่น ตึกรามบ้านเรือน ร้านค้า และพื้นที่ street food ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาคารเช่า
พื้นที่เยาวราช เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์มีชีวิต สะท้อนวิถีชีวิต วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์อันยาวนานของคนไทยเชื้อสายจีน การขยายถนนอาจนำไปสู่การสูญเสียพื้นที่เหล่านี้
สมาคมฯ จึงขอให้ทบทวนการดำเนินการทั้งหมด โดยเฉพาะกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งสมาคมฯ มองว่ายังไม่โปร่งใส และไม่ได้รับการมีส่วนร่วมจากประชาชนอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้แทนภาคประชาชน ยังตั้งข้อสังเกตว่า กระบวนการทำผังเมืองรวมฉบับนี้ ไม่มีการรับฟังความคิดเห็น แต่มีการรับฟังความคิดเห็นเพียงอย่างเดียวคือ การประชาพิจารณ์เรื่องบึงรับน้ำคู้บอนขนาด 8 แสนล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งประชาชนอยากให้ดำเนินการ แต่ปรากฏว่าไม่มีการกำหนดในผังน้ำ และไม่มีการเวนคืนที่ดินดังกล่าว แต่มีการนำพื้นที่ไปให้บริษัทเอกชนทำบ้านจัดสรร
เรื่องนี้ นายอรรถวิชช์ เตรียมจะยื่นให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ